วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

Marina Bay Sands

Marina Bay Sands  พักผ่อนบนความหรูหราที่ผสานไปด้วยความโดดเด่นของศิลปะวันนี้ขอพาเพื่อนๆมา ชมโรงแรมสไตล์ Luxury ที่มีดีไซน์สวยงามโดดเด่นตั้งอยู่ใจกลางเมืองประเทศสิงคโปร์ โรงแรมแห่งนี้ถูกออกแบบโดยสถา
Marina Bay Sands  พักผ่อนบนความหรูหราที่ผสานไปด้วยความโดดเด่นของศิลปะ
แบบโรงแรมสวย
วันนี้ ขอพาเพื่อนๆมาชมโรงแรมสไตล์ Luxury ที่มีดีไซน์สวยงามโดดเด่นตั้งอยู่ใจกลางเมืองประเทศสิงคโปร์ โรงแรมแห่งนี้ถูกออกแบบโดยสถาปนิกที่มีชื่อว่า Moshe Safdie ซึ่งได้รับเชิญจาก Las Vesgas Sands Corporation ในการแข่งขันออกแบบสถานที่สาธารณะที่สำคัญสำหรับอ่าว Marina เพื่อเสนอรัฐบาลสิงคโปร์ โดย Safdie ได้แรงบันดาลใจในการพัฒนาโครงการมาจากรูปแบบของเมืองเก่าที่ตั้งเรียง รายอยู่บนทางเดินรอบอ่าว Marina
marina 
Marina Bay Sands นั้นประกอบขึ้นมาจากแนวคิดการนำสองแกนหลักมาตัดกันที่จุดศูนย์กลางจุดหนึ่ง รวมเข้ากับแนวความคิดการจัดวางเส้นทางการเดินให้เข้ากับชีวิตคนเมือง เปรียบดั่ง "weaves" ซึ่งหมายถึง การถักถอสิ่งที่ซับซ้อนให้เชื่อมต่อกันเพื่อทำให้ชีวิตขับเคลื่อนไปยังแสง สว่างที่เจิดจ้า อยากบอกว่าแนวคิดลึกล้ำมากค่ะ ^^ 
ไอเดีย
ตาม ที่ Safdie กล่าวไว้ว่าการแข่งขันออกแบบนี้เพื่อสร้างสถานที่ที่เป็นสาธารณะสมบัติที่ ประกอบด้วยภาพรวมของเมือง การออกแบบโรงแรมจึงคล้ายกับประตูสามเสาที่ใช้ในกีฬา Cricket ที่เอาไว้รองรับ bails โดยในกรณีนี้ เรือที่อยู่ตั้งอยู่ชั้นบนสุดของอาคารจะนำมาใช้แทนตัว bails ทั้งสอง เพื่อเป้าหมายในการเป็นธุรกิจบันเทิงชั้นนำ โรงแรม Marina bay Sands ได้ลงทุนในการสร้างไปแล้วกว่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งพื้นที่โดยรวมทั้งหมดของอาคาร 3 ชั้นใช้เนื้อที่ 929,000 ตารางเมตร  
แบบโรงแรม
สำหรับ cantilevers ลอยฟ้าหรือเจ้าเรือยักษ์ที่ตั้งอยู่บนอาคาร 55 ชั้น ประกอบไปด้วย สวนเมืองร้อนที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้กว่าร้อยชนิด โดยสวนนี้จะเหมาะกับผู้ที่ต้องการพักผ่อนอย่างเงียบสงบค่ะ และสระว่ายน้ำแบบ infinity pool เป็นการว่ายน้ำไปพร้อมๆกับการชมทิวทัศน์ของเมืองบนความสูงเหนือน้ำทะเล 200 เมตร    
แบบคลับเฮ้าส์แบบห้องอาหาร
ภาย ในโรงแรมบนเนื้อที่ 929,000 ตารางเมตร มีห้องพักไว้สำหรับบริการ 2,560 ห้อง รวมถึงพิพิธภัณฑ์ คลองในร่ม ร้านอาหารระดับเวิลด์คลาสที่ได้เชฟชื่อดังมาสรรค์สร้างอาหารหลากหลายสไตล์ ห้างสรรพสินค้าแหล่งช้อปปิ้งชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย นอกจากนี้ยังมี โรงละคร ลานกิจกรรมกลางแจ้ง ศูนย์ประชุมและคาสิโนพร้อมห้องส่วนตัวสำหรับผู้ที่รักการเสี่ยงโชคระดับพรี เมี่ยมอีกด้วย เหมาะสำหรับผุ้ที่ต้องการพักผ่อนและชอบกิจกรรมนันทนาการมากๆค่ะ    
แบบห้องนอนแบบห้องน้ำ
น่าไปจังเลยย ใครที่ไปมาแล้วก็กลับมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ อิอิ
โรงแรมหรู

Guns N' Roses !!!!

ประวัติ Guns N' Roses

Gun N' Roses (กันส์ แอนด์ โรสเซส)

ข้อมูลพื้นฐาน

แหล่งกำเนิด ลอสแอนเจลิส แคลิฟอร์เนีย
แนวเพลง ฮาร์ดร็อก
ปี 1985 - ปัจจุบัน
ค่าย Geffen, UZI Suicide
เว็บไซต์ www.gunsnroses.com

สมาชิก

Axl Rose
Dizzy Reed
Robin Finck
Tommy Stinson
Chris Pitman
Richard Fortus
Bryan Mantia
Bumblefoot
Frank Ferrer

กันส์แอนด์โรสเซส (อังกฤษ: Guns N' Roses) เป็นวงร็อกอเมริกัน ก่อตั้งวงในลอสแอนเจลิส แคลิฟอร์เนียในปี ค.ศ. 1985 นำโดยหัวหน้าวงและผู้ร่วมก่อตั้งวง เอ็กเซล โรส จากนั้นมีการเปลี่ยนแปลงสมาชิกในวงและมีข้อขัดแย้งต่าง ๆ ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งวง โดยมีผลงานสตูดิโออัลบั้ม 5 ชุด 2 อีพี และหนึ่งอัลบั้มการแสดงสด หลังจากนั้นอีกร่วมทศวรรษ ทางวงออกผลงานที่ยาวนานต่อการรอคอยชุด Chinese Democracy ในวันที่ 23 พฤศจิกายน ค.ศ. 2008 และถือเป็นอัลบั้มการอัดเสียงดั้งเดิมหลังจากปี 1991 กับผลงานชุด Use Your Illusion I และ Use Your Illusion II

กันส์แอนด์ โรสเซส มียอดขายทั่วโลกประมาณ 90 ล้านชุด รวมถึง 39 ล้านชุดในสหรัฐอเมริกา ผลงานอัลบั้มชุดแรกที่ชื่อชุด Appetite for Destruction มียอดขาย 27 ล้านชุดทั่วโลก และสามารถขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ทอัลบั้มของบิลบอร์ด 200 นอกจากนั้นยังมีซิงเกิ้ลท็อป 10 ถึง 3 เพลงจากชุดนี้คือเพลง "Sweet Child o' Mine" ที่ขึ้นถึงอันดับ 1 ส่วนอัลบั้มในปี 1991 ชุด Use Your Illusion I และ Use Your Illusion II เข้าอันดับสัปดาห์แรกที่อันดับ 1 และ 2 บนชาร์ทบิลบอร์ด 200 และมียอดขาย 14 ล้านชุดเฉพาะในสหรัฐอเมริกา

สำหรับ ยุค 80 คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักพวเขา นับตั้งแต่อัลบั้มแรกออกวางตลาด พวกเขาก็ครอบครองโลกใบนี้ไว้ในอุ้งมือ เหอๆ เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Gun N' Roses เอาล่ะ ไปรู้จักพวกเขาให้ดีกว่านี้ดีกว่าครับ



Guns N' Roses คือวงดนตรี ฮาร์ดร็อคเมตัล จาก Los Angelis ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลกวงหนึ่งก็ว่าได้ จุดเริ่มต้นของวง Guns N' Roses เกิดขึ้นจาก William Bailey หรือ W.Axl Rose เเละ Izzy Stradlin ( Jeff Isbell ) สองคู่หูเเห่งไฮสคูลที่เบื่อหน่ายการเรียนเป็นชีวิตจิตใจ วันๆ พวกเขาทั้งสองสนใจเเต่เรื่องของดนตรีเฮฟวี่เมตัล จนได้ตั้งวงดนตรีกับเพื่อนอีกสองคนคือ Chris Weber และ Johnny Kreiss ตั้งวงชื่อว่า A.X.L ขึ้นมา จากนั้นเปลี่ยนเป็นชื่อ Rose เเละเปลี่ยนชื่อวงอีกครั้งเป็น Hollywood rose

ปลายปี 1984 Izzy ก็แยกตัวไปอยู่วง London กับ Chris Weber และ Axl ก็ลาออกจากวง Hollywood Rose และไปฟอร์มวงใหม่ชื่อว่า LA. Gun โดยมีสมาชิกอีกสองคนก็คือ Ole Beich และ Rob Gardner พอสิ้นปี 1984 Hollywood Rose ก็กลับมารวมตัวเฉพาะกิจอีกครั้ง และ Tracy  Guns ก็เข้ามาแทน Chris Weber เเละได้เปลี่ยนชื่อวงอีกครั้งโดยนำเอาชื่อวงของ LA. Gun เเละ Hollywood Rose มารวมกันจนเป็นที่มาของชื่อวงใหม่ที่เรียกว่า Guns N' Roses หลังจากนั้น Tracy Guns ก็ได้ลาออกไปทำวงของตัวเองที่ชื่อ LA. Gun เเละ Guns N' Roses ก็ได้สมาชิกเพิ่มเข้ามาใหม่อีกสามคนคือ Steven Adler (กลอง),Slash (กีต้าร์) เเละ Duff Mckagan เข้ามาเป็นสมาชิกคนสุดท้าย เวลานั้น W.Axl Rose เเละ Izzy Stradlin ได้ร่วมกันเเต่งเพลงเเละวัตถุดิบต่างๆ ที่จะใช้ในงานอัลบั้มของ Guns N' Roses

จนวันที่ 21 กรกฏาคม 1987 อัลบั้มแห่งประวัติศาสตร์ Appertite for Destruction อัลบั้มที่เต็มไปด้วยความรุนเเรงในเนื้อหาบวกกับ ซาวนด์ดนตรีในเเบบ ฮาร์ดร็อค,เมตัล,พังก์ ก็ออกวางจำหน่ายในอเมริกา และเดือนสิงหาคม ก็วางจำหน่ายที่อังกฤษ จนติดอันดับ 1 ของชาร์ตบิลบอร์ด ในอัลับ้มชุดนี้มีเพลงเจ๋งๆ อย่าง Welcome To The Jungle , It So Easy, Paradise city,You're Crazy,Mr. Brownstone,Rocket Queen เเละที่ฮิตถล่มทลายกันจนถึงทุกวันนี้คือเพลงอย่าง Sweet Child o' Mine นี่คืออัลบั้มที่นักฟังเพลงเมตัลทั่วโลก ต้องน้อมรับในความยิ่งใหญ่ให้จนถึงทุกวันนี้ เพราะความสำเร็จจากอัลบั้ม Appertite for Destruction มีอย่างล้นเหลือทาง Geffen Record ต้นสังกัดของทางวงจึงปล่อยอัลบั้มซึ่งเป็นงานรวมเพลงเก่าๆ ของพวกเค้า และเพลงที่เล่นในแบบ Acoustic ออกมาคืออัลบั้ม Lies!

ในปี 1990 จุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ของชาวคณะ Guns N' Roses ก็เกิดขึ้นเมื่อทางวงได้ไล่ Steven Adler (กลอง) ออกไปจากวง เนื่องจากช่วงนั้นAdler ติดเฮโรอีนอย่างหนัก เเละได้ดึงเอา Matt Sorum (The Cult) เข้ามาเเทนในตำเเหน่งมือกลองเเละได้ Dizzy Reed เข้ามาเพิ่มในตำเเหน่ง คีย์บอร์ดของวง ขณะนั้นทางวงมีเพลงตุนไว้ประมาณ 36 เพลง เเละได้เตรียมออกอัลบั้มชุดใหม่ ที่เป็นรูปแบบอัลบั้มคู่  จนในปี 1991 อัลบั้มคู่ Use Your Illusion I&II ก็ได้ฤกษ์ออกวางจำหน่ายในสหรัฐฯ โดยมีเพลงที่เเฟนๆ พลาดไม่ได้อย่างเด็ดขาดอย่าง Civil War,November Rain,Don't Cry,Knocking on Heaven Door,Live And Let Die,You  Could Be Mine ฯลฯ จนส่งผลให้ Guns N' Roses กลายเป็นวงที่ดังระดับโลกไปเเสยเเล้ว



เเต่ช ื่อเสียงเเละเงินทองทำให้สมาชิกยุคก่อตั้งอย่าง Izzy Stradlin  ต้องลาออกจากวงไปเมื่ออัลบั้ม Use Your Illusion I&II วางจำหน่ายได้เเค่ 3 เดือน เพราะขัดเเย้งความคิดเห็นไม่ตรงกันกับ Axl Rose นักร้องนำ จึงทำให้มือกีต้าร์ริธึ่มเเละนักเเต่งเพลงมือดีของวงต้องลาจากไปอย่างไม่มี วันกลับ เเละได้ Gilby Clarke เข้ามาเเทนที่ เเละทางคณะ Guns N' Roses ก็ได้ออกทัวร์คอนเสิร์ตทั่วอเมริกาเเละรอบโลก เป็นเวลาหลายปี ในปี 1993 อัลบั้ม The Spaghetti Incident? อัลบั้มที่ คัฟเวอร์เพลงของวงดนตรี ป๊อป เเละ พังก์ ยุคเก่ามาเรียบเรียงใหม่ มีเพลงเด่นๆ อย่าง Since I Don't Have you เเละ Hair Of Dog

เข้าปี 1994 Gilby Clarke ก็ได้ถูกไล่ออกไปจากวง บวกกับถึงยุตตกต่ำของดนตรี เฮฟวี่เมตัลในนช่วงนั้น ทำให้ทางคณะได้เริ่มทะเลาะเบาะเเว้งกันบ่อยขึ้น โดยมีสาเหตุหลักจากเรื่อง เงินและสุรา-ยาเสพติด จน Guns N' Roses ไม่มีงานอัลบั้มใหม่ออกมาอีกเลย เเละสมาชิกในวงที่เหลืออย่าง Slash,Duff,matt Sorum,Dizzy Reed ทั้งหมดก็ได้ลาออกจากการเป็น Guns N' Roses ในปลายยุค 90 เหลือเพียงเเต่ W.Axl Rose คนเดียวเท่านั้นที่ได้เป็นเจ้าของลิขสิทธ์ชื่อ Guns N' Roses แต่เพียงผู้เดียว

จากนั้นสมาชิกท้งหมดที่ออกมาจาก Guns N' Roses ก็เริ่มมีงานโซโลอัลบั้ม หรืออัลบั้มที่ออกกับวงใหม่วางตลาด เเละ W.Axl Rose ก็ได้ฟอร์มสมาชิกนักดนตรีในวง Guns N' Roses ขึ้นมาใหม่ โดยมีการเปลี่ยนหน้าตาของนักดนตรีในวงบ่อยเป็นว่าเล่น พร้อมกับกระเเสข่าวลือว่า วง Guns N' Roses กำลังทำงานเพลงสำหรับอัลบั้มชุดใหม่ที่จะใช้ชื่อว่า Chinese Democracy  เเต่จนเเล้วจนรอดก็มีเเต่ข่าวว่าเลื่อนการวางจำหน่ายออกไป จนถึงทุกวันนี้ในปี (2007) อัลบั้มชุดดงกล่าวก็ยังไม่ถูกนำมาเผยเเพร่ต่อบรรดา Guns N' Roses ทั่วโลกเเต่อย่างใด พร้อมกับการตั้งคำถามของเเฟนเพลงทั่วโลกว่าตกลงอัลบั้ม Chinese Democracy  นี่มันมีอยู่จริงหรือเปล่าหรือว่า Guns N' Roses มันจบไปตั้งเเต่สมาชิกทุกคนเเพเเตกไปแล้วนี่คือคำถามที่ กันเนอร์ทั่วโดลกต่างทวงถามกัน



สุด ท้ายวง Heavy Metal ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุค 80 ก็ต้องจบลงไป โดยที่จะกลับมารวมตัวกันอีกคงเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่ถ้าเงินถึงจริงๆ คงไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะเห็น Guns N' Roses สมาชิกเดิมและอัลบั้มใหม่แน่นอน


ผลงาน



1987: Appetite for Destruction

01. Welcome to the Jungle
02. It's So Easy
03. Nightrain
04. Out ta Get Me
05. Mr. Brownstone
06. Paradise City
07. My Michelle
08. Think About You
09. Sweet Child o' Mine
10. You're Crazy
11. Anything Goes
12. Rocket Queen



1988: G N' R Lies

01. Reckless Life
02. Nice Boys
03. Move to the City
04. Mama Kin
05. Patience
06. Used to Love Her
07. You're Crazy
08. One in a Million



1991: Use Your Illusion I

01. Right Next Door to Hell
02. Dust N' Bones
03. Live and Let Die (Paul McCartney cover)
04. Don't Cry (original version)  
05. Perfect Crime
06. You Ain't the First
07. Bad Obsession
08. Back Off Bitch
09. Double Talkin' Jive
10. November Rain
11. The Garden
12. Garden of Eden
13. Don't Damn Me
14. Bad Apples
15. Dead Horse
16. Coma



1991: Use Your Illusion II

01. Civil War
02. 14 Years
03. Yesterdays
04. Knockin' on Heaven's Door
05. Get in the Ring
06. Shotgun Blues
07. Breakdown
08. Pretty Tied Up
09. Locomotive
10. So Fine
11. Estranged
12. You Could Be Mine
13. Don't Cry
14. My World



1993: "The Spaghetti Incident?"

01. Since I Don't Have You
02. New Rose
03. Down on the Farm
04. Human Being
05. Raw Power
06. Ain't It Fun
07. Buick Makane
08. Hair of the Dog
09. Attitude
10. Black Leather
11. You Can't Put Your Arms Around a Memory
12. I Don't Care About You
13. Look at Your Game, Girl



2008: Chinese Democracy

01. Chinese Democracy
02. Shackler's Revenge
03. Better
04. Street of Dreams
05. If the World
06. There Was a Time
07. Catcher in the Rye
08. Scraped
09. Riad n' the Bedouins
10. Sorry
11. I.R.S.
12. Madagascar
13. This I Love
14. Prostitute

ที่มา  http://www.toyssquarethailand.com/smf/index.php?topic=803.0

dream theater กับมือกลองคนใหม่ครับ


dream theater กับมือกลองคนใหม่ครับ


dream theater วงโปรเกสซีพระดับตำนานตอนนี้ได้มือกลองคนใหม่แล้วคือ mike mangini

โดย mike mangini นั้นเข้ามาแทน mike portnoy มือกลองผู้ร่วมก่อตั้งวงที่ออกจากวงไป

สำหรับ ประวัติของ mangini นั้นเคยร่วมงานกับ annihilator, steve vai และในการร่วมออดิชั่นครั้งนี้ mike ได้เอาชนะมือกลองเก่ง ๆ มากมายหลายคนไม่ว่าจะเป็น thomas lang (glenn hughes) virgil donati (planet x) marco minnemann (kreator) derek roddy (malevolent creation) peter wildoer (darkane) และ aquiles priester (angra)

"วันที่ผมได้ รับโทรศัพท์ที่บอกว่าผมได้เป็นสมาชิกของ dream theater มันต้องใช้เวลานานมากกว่าผมจะเข้าใจได้ว่าอะไรเป็นอะไร และทันทีที่ผมเข้าใจว่าผมได้เป็นสมาชิกของ dream theater นั้นมันทำให้ผมรู้สึกยิ่งความยิ่งใหญ่จริงจัง" mangini ยอมรับ "มันมีความหมายกับผมมาก" เขาพูดอีก

"ทำไมเรื่องนี้ถึงมีความหมายกับ ผมมากเพราะวงนี้เป็นวงที่เป็นตำนาน และยังเป็นวงแห่งตำนานต้องการเติมส่วนที่ขาดหายไป" mike พูด "ผมรู้สึกเป็นส่วนที่ขาดนั้น ส่วน mike portnoy นั้นเป็นส่วนที่วิเศษมากสำหรับวง ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้รับช่วงต่อจากเขา และผมก็จะพยายามสืบทอดจิตวิญญาณของเขา"

และขณะนี้วง dream theater กำลังทำอัลบั้มลำดับที่ 11 กันอยู่แต่ยังไม่มีกำหนดวางจำหน่ายที่แน่นอน

mike mangini

คลิปออดิชั่น



สำหรับคลิปออดิชั่นนั้นจะแบ่งเป็นซีรี่นะครับ โดยใช่ชื่อชุดซีรีว่า the spirit carries on ครับ และชุดที่ผมโพสเป็นแค่บางส่วนของซีรี่นี้ครับ

ที่มา kerrang

METALLICA

METALLICA


ประวัติวงเมทัลลิก้า (Metallica)

ช่วงแรกเริ่ม (1981–1983) Metallica
เริ่ม ก่อตั้งวงในช่วงปลายปี 1981 ที่เมือง Los Angeles รัฐCalifornia โดยที่ Lars Ulrich มือกลองของวงได้ลงประกาศในหนังสือพิมพ์ The Recycler เพื่อหาสมาชิกวงดนตรีในแนวเมทัล ต่อมาก็ได้นักดนตรี James Hetfield , Hugh Tanner และ Leather Charm ตอบรับเข้ามาก่อตั้งวงดนตรีแนวเมทัลขึ้นมา พวกเขาได้เจรจากับค่าย Metal Blade Records ว่า ถ้าทางวงจัดทำอัลบั้มเพลงชุด Metal Massacre ทางค่ายจะยอมให้บันทึกเสียงหรือไม่ ซึ่งทางเจ้าของค่ายก็ตอบรับมาว่า ให้บันทึกเสียงได้ ดังนั้น วงMetallica จึงได้ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนตุลาคม 1981 นับเป็นเวลา 5 เดือนหลังจากที่ Ulrich มือกลอง ได้พบกับ Hetfield เป็นครั้งแรก Ulrichเป็นผู้ตั้งชื่อวงว่า Metallica และต่อมาตัวเขาก็ได้ลงประกาศในหนังสือพิมพ์ฉบับเดิมว่าต้องการมือกีต้าร์ลี ดซึ่ง Dave Mustaine ได้ตอบรับเข้าร่วมวง Metallica ในช่วงต้นปี 1982 พวกเขาได้เริ่มบันทึกเสียงอัลบั้ม Metal Massacre โดยอัลบั้มชุดนี้ได้วางจำหน่ายเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 1982 ซึ่งมีการพิมพ์ชื่อวงเพี้ยนไปเป็น Mettallica ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับทางวงพอสมควร ต่อมาพวกเขาได้มือเบสคนใหม่ชื่อว่า Ron McGoverney ต่อมา Ulrich และ Hetfield ได้ตระเวนเล่นดนตรีสดตามผับภายใต้ชื่อวง Trauma ทำให้พวกเขาได้พบกับ Cliff Burton และได้ชักชวนให้มาร่วมวง Metallica ซึ่งทาง Hetfield และ Mustiane ต้องการให้ Burton มาเล่นเบสแทนที่ McGovney เพราะว่าทั้งสองคนเห็นว่า McGovney ไม่ได้ช่วยคิดผลงานอะไรออกมาเลย ทำแต่เพียงทำตามคำสั่งเท่านั้น ต่อมา Burtonได้เข้าร่วมวงและได้ชักชวนสมาชิกในวงคนอื่นๆให้อพยพไปยังบริเวณปาก อ่าว San Francisco โดยทาง Burton ได้มีส่วนร่วมกับการบันทึกเสียง Demo ชุด Megaforce ในปี 1983 ด้วย ต่อมาพวกเขาทั้งหมดได้เตรียมพร้อมที่จะทำการบันทึกเสียงสตูดิโออัลบั้มชุด แรกของพวกเขาแต่ทางค่ายเพลงต้น สังกัดที่เคยให้สัญญาไว้นั้นไม่สามารถจ่ายค่าใช้จ่ายได้ครบตามจำนวน ซึ่งทางวงเองก็ไม่มีเงินมากพอ สุดท้าย ทาง Johny Zazula ผู้จัดการงานคอนเสิร์ตจึงได้จับพวกเขาเซ็นสัญญาภายใต้สังกัดของ Megaforce Records ซึ่งเป็นค่ายเพลงของ Zazula เองและยังออกเงินค่าใช้จ่ายในการบันทึกเสียงให้กับทางวงอีกด้วย

Kill 'Em All and Ride the Lightning (1983–1984)
ใน เดือนเมษายน 1983 ทางวงได้ไล่ Mustaine ออกจากวงไปเนื่องจากเขาติดยาและแอลกอฮอล์รวมทั้งมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าว ต่อมาในวันเดียวกับที่ไล่ Mustaine ออกไป Metallica ก็ได้มือกีต้าร์คนใหม่ที่ชื่อ Kirk Hammett  ต่อมาMustaineได้ก่อตั้งวง Megadeth ขึ้นมา และได้กล่าวโจมตีว่า Kirk เป็นคนขโมยงานของเขาไป ต่อมาทางวง Metallica ได้ออกสตูดิโออัลบั้มชุดแรกที่มีชื่อว่า Kill ‘Em All โดยอยู่ภายใต้สังกัด Megaforce Records ซึ่งผลงานอัลยั้มชุดนี้ติดอันดับที่ 120 ในชาร์ตบิลบอร์ด 200 ด้วยในปี 1988 ถึงแม้จะไม่ประสบความสำเร็จในด้านยอดขายแต่พวกเขาก็ได้สร้างกลุ่มแฟนคลับ ของวงขึ้นมาเพื่อเป็นบานสนับสนุนผลงานเพลงของพวกเขาแล้ว พวกเขายังเริ่มต้นออกทัวร์ทั้งในสหรัฐอเมริกาและฮอลแลนด์ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
ใน ปี 1984 เมทัลลิก้าเริ่มเข้าอัดเพื่อบันทึกเสียงสตูดิโออัลบั้มชุดที่สองของพวกเขา ที่มีชื่อว่า Ride The Lightning โดยทำการบันทึกเสียงที่สตูดิโอ Sweet Silence Studio ในกรุงโคเปนเฮเก้น ประเทศเดนมาร์ก ผลงานชุดนี้ได้ถูกวางจำหน่ายเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 1984 และทำผลงานติดอันดับที่ 100 ในชาร์ต Bilboard 200 ซึ่งอัลบั้มชุดนี้มีเพลงดังๆ เช่น For Whom The Bell Tolls , Fade To Black , Creeping Death เป็นต้น พวกเขาได้ทำการออกทัวร์ไปกับวงดังๆทั่วยุโรป ซึ่งได้รับการตอบรับจากแฟนเพลงอย่าง ล้นหลาม คอนเสิร์ตของพวกเขาในหลายๆครั้งมีผู้ชมเข้าชมถึง 70000 (เจ็ดหมื่น) คน ซึ่งพวกเขาได้ทำการแสดงสดร่วมกับวง Bon Jovi และ Ratt

Master of Puppets (1984–1986)
สตูดิโอ อัลบั้มชุดที่สามมีชื่อว่า Master of Puppets ได้ทำการวางแผงเมื่อเดือนมีนาคม 1986 อัลบั้มชุดนี้ไต่ชาร์ตBilboard 200 ขึ้นไปถึงอันดับที่ 29 และติดอยู่ในชาร์ตนานถึง 72 สัปดาห์ พวกเขาได้รับรางวัล Gold เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 1986 และได้รับรางวัล Platinum ถึง 6 ครั้ง ซึ่งถือได้ว่าประสบความสำเร็จอย่างมากทั้งรางวัลและยอดขาย ในวันที่ 27 กันยายน 1986 วงเมทัลลิก้าได้สูญเสียมือเบส Cliff Burton ไปอย่างไม่มีวันกลับเนื่องจากเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถคว่ำในช่วงระหว่าง การออกทัวร์ในยุโรป โดยที่ศพของเขาถูกพบอยู่ใต้ซากรถบัสที่เกิดอุบัติเหตุนั่นเอง ซึ่งสมาชิกคนอื่นๆในวงได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยังความโศกเศร้าเสียใจอย่างสุดซึ้งให้กับสมาชิกภายในวงคนอื่นๆ รวมทั้งบรรดาแฟนเพลงทั้ง หลายด้วย ต่อมาทางวงได้ตัว Jason Newsted ซึ่งเป็นเพื่อนรักของ Burton ในวัยเด็กมาทำหน้าที่มือเบสแทน ทางวงได้ออกอัลบั้มผลงานแบบ E.P. มา 1 ชุด ภายใต้ชื่ออัลบั้มว่า Garage Days Re-Revisited

And Justice For All (1988-1990)
ใน ปี 1988 เมทัลลิก้าได้ปล่อยผลงานสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 4 ของพวกเขาออกมาโดยมีชื่อว่า And Justice For All ผลงานชุดนี้ไต่อันดับขึ้นไปติดที่ 6 ในชาร์ต Bilboard 200 ได้อย่างสง่างาม และได้รับรางวัล Platinumอีกด้วย
Metallica (1990-1993)
หรือที่ รู้จักกันอีกชื่อหนึ่งว่า The Black Album สตูดิโออัลบั้มชุดที่ 5 นี้ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามด้วยยอดขายสูงถึง 650000 ชุดในสัปดาห์แรก และยังขึ้นไปถึงอันดับที่ 1 ในชาร์ต Bilboard 200 ด้วย พวกเขาออกทัวร์ไปทั่วโลกซึ่งใช้เวลาทั้งสิ้น 14 เดือน รวมทั้งการออกทัวร์ร่วมกับวงในตำนานอย่าง Gun’n Roses และ Slayer

Load and Reload (1994-1999)
หลัง จากการออกทัวร์ซึ่งกินเวลายาวนานเกือบ 3 ปี Metallica ก็ได้เริ่มต้นเข้าสตูดิโอเพื่อบันทึกเสียงสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 6 ที่มีชื่อว่า Load ซึ่งออกจำหน่ายในปี 1996 เพียงแค่สัปดาห์แรกเท่านั้น อัลบั้มชุดนี้ก็ก้าวขึ้นอันดับ 1 ในชาร์ต Bilboard 200 และชาร์ต ARIA อย่างไรก็ตาม ด้วยงบประมาณและทรัพยากรที่มีอยู่อย่างเพียงพอทำให้ทางวงตัดสินใจผลิตผลงาน สตูดิโออัลบั้มชุดที่ 7 ของพวกเขาออกมาในเวลาไล่เลี่ยกันภายใต้ชื่อว่า Reload อัลบั้มชุดนี้ได้ออกวางจำหน่ายในปี 1997 และแน่นอนว่าผลงานชุดนี้ยังคงรักษาความยอดเยี่ยมด้วยการติดอันดับที่ 1 ในชาร์ต Bilboard 200 เช่นเดิม และยังติดอันดับที่ 2 ของ The Top Canadian Album Chart อีกด้วย พวกเขาออกทัวร์ไปทั่วโลกอีกครั้งเพื่อโปรโมตสตูดิโออัลบั้มทั้งสองชุดซึ่ง ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากแฟนๆทั่วโลก

St.Anger (2001-2005)
หลัง จากที่ว่างเว้นการออกสตูดิโออัลบั้มไปนานเพื่อออกทัวร์  ในวันที่ 17 มกราคม 2001 Jason Newsted มือเบสของวงได้ลาออกจากสมาชิกของวง Metallica ด้วยเหตุผลส่วนตัวและเรื่องของสุขภาพร่างกายที่ย่ำแย่ลงทุกวันและ Newsted ยังต้องทำงาน Side Project ให้กับวง Echobrain ด้วย ทาง Hetfield จึงคิดว่าการที่สมาชิกในวงนั้นมี Side Project จะเป็นการลดความมั่นคงต่อทางวง Metallica เอง อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ได้เข้าห้องอัดเพื่อเริ่มบันทึกเสียงสตูดิโออัลบั้มชุด ที่ 8 ภายใต้ชื่อว่า St. Anger และหลังจากบันทึกเสียงเสร็จสิ้น ทางวงMetallicaได้มือเบสคนใหม่ที่ชื่อ Robert Trujillo ซึ่งเคยเล่นเบสให้กับป๋าออสซี่ ออสบอร์นและวง Suicidal Tendenciesมาแล้ว เดือนมิถุนายน ปี 2003 สตูดิโออัลบั้มชุดที่ 8 ของพวกเขาที่มีชื่อว่า St. Anger ได้ออกวางจำหน่ายไปทั่วโลก สัปดาห์แรกเท่านั้นก็ทะยานขึ้นอันดับที่ 1 ในชาร์ต Bilboard 200 แต่กระนั้นก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงลบพอสมควรเกี่ยวกับซาวน์ดนตรีใน อัลบั้มชุดนี้ถึงแม้ว่าจะได้รับรางวัลมากมายก็ตาม พวกเขาออกทัวร์รอบโลกอีกครั้งและจบลงด้วยการแสดงสดเพื่อเป็นวงเปิดให้กับวง The Rollong Stone ที่ AT&T Park ในซานฟรานซิสโกเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2005

Death Magnetic (2006-2010)
ในเดือนธันวาคม 2006 Metallica ได้ออกแผ่น DVD บันทึกMVของทางวงตั้งแต่ปี 1989-2004 ต่อมาพวกเขาได้ทำงานร่วมกับ Rick Rubin โปรดิวเซอร์ผู้เคยทำงานให้กับวงดังๆมากมายเช่น Slipknot , Slayer และ System Of A Down ซึ่งสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 9 นี้มีชื่อว่า Death Magnetic ได้ทำการวางแผงออกจำหน่ายเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2008 เพียงแค่สัปดาห์แรกของการวางแผงอัลบั้มชุดนี้ก็พุ่งทะยานขึ้นอันดับ1 ในชาร์ต Bilboard 200 อีกครั้ง นับเป็นวงแรกที่มีผลงานสตูดิโออัลบั้มติดอันดับ 1 ในชาร์ต Bilboard 200 ติดต่อกัน 5 อัลบั้ม และทำยอดขายได้ถึง 490000(สี่แสนเก้าหมื่น)ชุดในสัปดาห์แรกเช่นกัน อัลบั้มชุดนี้ติดอันดับ 1 ของชาร์ต Bilboard 200 นานถึง 3 สัปดาห์ พวกเขาออกทัวร์รอบโลกอีกครั้งจนกระทั่ง ปี 2010 พวกเขาจึงเริ่มหยุดพักการทัวร์ไว้

สำหรับสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 10 ของพวกเขานั้น ทาง Lars Ulrich มือกลองของวงได้ออกมายืนยันแล้วว่าใน ปี 2011 นี้พวกเขาจะเริ่มต้นเรียบเรียงเพลงใหม่ ซึ่งยังไม่แน่ว่าจะได้ฟังกันเมื่อไหร่ อย่างไรก็ตาม พวกเขายังมีงานออกทัวร์รอบโลกในคอนเสิร์ตใหญ่ๆมากมายร่วมกับวงดังอย่าง Slipknot

สมาชิกวงในปัจจุบัน
James Hetfield – lead vocals, rhythm guitar (1981–present)
Lars Ulrich – drums, percussion (1981–present)
Kirk Hammett – lead guitar, backing vocals (1983–present)
Robert Trujillo – bass, backing vocals (2003–present)

Studio albums
Kill 'Em All (1983)
Ride the Lightning (1984)
Master of Puppets (1986)
...And Justice for All (1988)
Metallica (1991)
Load (1996)
ReLoad (1997)
St. Anger (2003)
Death Magnetic (2008)


ผลงานที่เคยได้รับรางวัล

Grammy Awards:[63]
1990: Best Metal Performance – "One"
1991: Best Metal Performance – "Stone Cold Crazy"
1992: Best Metal Performance – Metallica
1999: Best Metal Performance – "Better than You"
2000: Best Hard Rock Performance – "Whiskey in the Jar "
2001: Best Rock Instrumental Performance – "The Call of Ktulu" with Michael Kamen and the San Francisco Symphony
2004: Best Metal Performance – "St. Anger"
2009: Best Metal Performance – "My Apocalypse"
2009: Best Recording Package – Death Magnetic

MTV Video Music Awards:
1992: Best Metal Video – "Enter Sandman"
1996: Best Metal Video – "Until It Sleeps"

American Music Awards:
1996: Favorite Artist: Heavy Metal/Hard Rock: Metallica – Load
1996: Favorite Metal/Hard Rock Song – "Until It Sleeps"

Billboard Music Awards:
1997: Billboard Rock and Roll Artist of the Year – Metallica (RIAA Diamond Award)
1999: Catalogue Artist of the Year – Metallica
1999: Catalogue Album of the Year – Metallica

Kerrang! Awards:
2003: Hall of Fame – Metallica
2003: Best International Band – Metallica
2004: Best Band on the Planet – Metallica
2008: Inspiration Award Winner – Metallica
2009: Best Album – Death Magnetic

ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวของวง Metallica ได้จาก www.metallica.com

Avenged Sevenfold

ประวัติ วง Avenged Sevenfold ( A7X )

                           Avenged    Sevenfold   ( A7X )







  เอเวนเจดเซเวนโฟลด์    Avenged   sevenfold  (A7X)    ได้ก่อตั้งวงขึ้นเมื่อปี   1999   โดยมีอัลบั้มแรกชื่อว่า   Sounding  the  Seventh  Trumpet โดยอัลบั้มนี้ได้เกิดขึ้น ตั้งแต่สมาชิกทั้งหมดของวงนั้นยังอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น ได้ออกวางขายกัับสังกัด Good Life Recordings   หลังจากนั้น Synyster Gates ได้เข้ามาร่วมกับทางวงและทำ การอัดเสียงเพลง To End The Rapture ใหม่โดยมี Gates เล่นในเพลงนี้ด้วย และได้ วางขายโดย   Hopeless Records  จากนั้นอัลบั้มต่อมามีชื่อว่า Waking the Fallen ซึ่งยังอยู่กับ Hopeless Records
เช่นเดิม อัลบั้มนี้มาแรงจนได้รับคำชมเป็นอย่างมาก จากนิตยสารโรลลิงสโตน หลังจากนั้นไม่นานเอเวนเจด เซเวนโฟลด์   ( A7X ) ก็ได้เซ็นสัญญากับ Warner Bros. Records.

       City of  Evil  อัลบั้มที่ 3 ที่กำหนดออกวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 7  June  2005 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแนวเพลงจากเดิมที่เป็นแบบ   Metal   Core. ซึ่ง     M.Shadows เลือกที่จะไม่ร้องแบบ    Scream ( ตะโกนร้อง , คำรามเสียงแหบๆ เหมือนกับ 2 อัลบั้มแรกที่เคยทำ นั่นก็คืออัลบั้ม Sounding the seventh trumpet และ Waking the fallen นั่นเอง. เพราะ Shadows มีปัญหาเส้นเลือดแตกในลำคอและต่อมาต้องเข้า รับการผ่าตัดช่วยเหลือให้ดีขึ้น เค้าจึงบอกว่าจุดนี้ที่ทำให้เค้าต้องเปลี่ยน สไตล์ การร้องของเค้าเอง.

ใน DVD All Excess โปรดิวเซอร์ของวงในอัลบั้มที่ 2 และ 3 “Mudrock” ได้บอกไว้ว่าตั้งแต่ก่อนที่จะมีการทำอัลบั้ม Waking the fallen นั้น M.Shadows ได้พูดคุยกับเขาไว้แล้วว่าต้องการที่จะให้อัลบั้มนี้ใช้การอัดเสียงแบบ Scream ครึ่งนึง ร้องปกติครึ่งนึง และอัลบั้มต่อไปจะไม่ใช้เสียงร้องแบบ Scream (City of Evil) แต่ว่าภายหลัง Shadows ก็ฝึกร้อง Scream ได้ดีขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้ที่เค้าต้องเข้ารับการผ่าตัด และยังได้รู้มาช่วยฝึกด้านการใช้เสียงให้ด้วย นั่นคือ “Ron Anderson” ผู้ซึ่งเคยทำงานร่วมกับศิลปินมากมาย อย่างเช่น กลุ่ม Various Artists จาก Axl Rose / Kylie Minogue / Chris Cornell / My Chemical Romance.
ใน ปี 2006 Avenged Sevenfold ได้ออกทัวร์ที่อเมริกา, อังกฤษ, ยุโรป, ญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ หลังจากที่ก่อนหน้านั้นได้มีการยกเลิกทัวร์ในช่วง Fall และ Winter 2006. ทางวงได้ออกมาประกาศว่า กำลังจะมีอัลบั้มใหม่ออกมาเป็นอัลบั้มที่ 4 ตามการที่ตั้งไว้จะมีกำหนดออกจำหน่ายในวันที่ 30 ตุลาคม 2007 ในอเมริกา
(ปัจจุบันนี้ได้ออกจำหน่ายเรียบร้อยแล้ว)

Shadows ได้บอกไว้ว่า “อัลบั้มนี้จะไม่ใช่ภาคต่อของทั้ง 2 อัลบั้ม (Waking the fallen, City of evil) แต่จะมีสิ่งที่น่าสนใจมาเซอร์ไพซ์ให้แฟนๆ
ตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการทำเพลงในห้องอัดเสียง จะเสร็จสิ้นออกมาก็ประมาณเดือนสิงหาคมปี 2007 และจะมีการเริ่มออกทัวร์คอนเสริต์ในปี 2007
จะมีการทัวร์ในแถบเอเชียด้วย คือประเทศอินโดนีเซีย, สิงค์โปร์, ญี่ปุ่น,ไทย

ในวันที่ 9 สิงหาคม 2007 รายชื่อเพลงจากอัลบั้มใฟม่จะถูกลงบอกไว้ในเว็ป Myspace ของทางวง และในวันที่ 17 สิงหาคม 2007 ก็มีการปล่อย Single แรกออกมาเปิดตัว ชื่อว่าเพลง “Critical Acclaim”



 ประวัติสมาชิก


M.Shadow

     M. Shadows ชื่อจริงคือ Matt Charles Sanders 
เกิดเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 1981 ตำแหน่งร้องนำ กับวง America hard rock / Heavy Metal นามว่า Avenged Sevenfold เค้ามาจาก Huntington Beach , California แต่ตอนนี้อาศัยอยู่ที่ Orange Country. ตอนที่เค้ายังเด็ก เค้าร่วมงานกับ 2-3 วง Punk Bands กับสมาชิก A7X อีกคน นั่นก็คือ Zacky Vengeance ในช่วงอัลบั้มแรกเพลงส่วนใหญ่จะค่อน
ข้างหนัก ใช้เสียงว๊ากในเพลงเป็นส่วนใหญ่ จึงยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในวงกว้างแต่แล้วในที่สุดพวกเค้าเริ่มเป็นที่ล่ำลือแพร่หลาย
ตั้งแต่ี่ที่    Shadow    ได้ให้สัมภาษณกับนิตยสาร   Revolver  ว่า เส้นเสียงของเค้ามีปัญหา(เส้นเลือดในลำคอแตก)จึงจำเป็นจะต้องเปลี่ยนสไตล์ ของเพลงของพวกเค้า. การที่จะรักษาเส้นเสียงนี้ให้ดีขึ้น Shadows จะต้องไม่ใช้เสียง (แบบ Scream)หรือการว๊ากนั่นเอง อย่างน้อย 5 ปี !        



Synyster Gates

Synyster Gates หรือ Brian Elwin Haner, Jr. เกิดเมื่อวันที่    July 7 , 1981 ได้เข้ามา
ร่วมกับ A7X ในปี   2001  หลังจากที่วง
ได้ปล่อย อัลบั้มแรกของวง Sounding the Seventh   Trumpet   ไปแล้วโดยเข้ามาเล่น
ในตำแหน่งกีตาร์รี๊ด
พ่อของเขา Brian Haner Srเป็นนักดนตรี และได้ถูกขอให้ไปเล่นเพลง
ในเวอร์ชั่นอคูสติกของอัลบั้ม
ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Sidewinde ใน อัลบั้มCity of Evil Synyster Gates ตอนเปนเด็ก ได้เข้าเรียนที่Ocean View High School   ณ   Huntington Beach, California ต่อจากนั้นก้อได้ เข้าเรียนที่ Musicians Institute ใน Hollywood Synyster Gates เป็นกีต้าร์ระดับแนวหน้าของ โลกในยุคนี้เลยทเดียว ฝีมือของเขานั้น ถือว่า เข้าขั้นเทพ!! ลอง search หาดูได้ครับ




Zacky Vengeance                                                                         


Zacky Vengeance หรือ Zachary James Baker เป็นมือกีตาร์ของA7Xเล่นมือซ้ายด้วย เขาเกิดที่ Orange County แคลิฟอร์เนีย เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 1981 ในวัยเด็กๆพ่อแม่ ได้ส่งเค้าอยู่ที่ อียิป กับ นิวยอร์คมาหลาย ปี แต่พ่อแม่เค้าก้อพากลับมาอยู่ที่ Orange County เค้าได้เข้าเรียนประถมใน ร.ร. รัฐบาล แต่ต่อมาได้ย้ายไปที่ Huntington Beach High ทำให้เค้าได้พบกับ Matt Sanders หรือ M.Shadows, Jimmy Sullivan หรือ The Rev และ Brian Haner Jr หรือ Synyster Gates






The Rev

The Rev เกิดเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์1981 เข้าเรียนโรงเรียนเดียวกับ M.Shadows แต่ว่าถูกไล่ ออกไปตอน ป.2!! อัลบั้มแรกของเค้าออกมาเมื่อเค้าอายุ 18 ปี นอกจากจะอยู่กับ A7X แล้วเค้ายังมี Side Project ชื่อว่าวงPinkly Smooth กับ Synyster Gates อีกด้วย และเปนส่วนๆหนึ่งของวง Surf Punk ชื่อว่า Ballistico. และเขายังเคยเปนมือกลองให้แก่วง สกาชื่อว่า Suburban Legends และ Justin Sane มือเบสเก่าก้อยังเคยอยุ่ในวงนั้นด้วย The Rev นั้นเปนชื่อย่อมาจาก The ReverendTholomew Plague


Johnny Christ


Johnny Christ หรือชื่อจริงๆว่า Jonathan Lewis Seward เกิดวันที่ 18/11/1984 เปนมือเบสคนที่สามของวงหลังจาก Dameon Ash and Justin Sane มือเบส2คนที่แล้วลาออกไปโดยได้เริ่มมาเล่นกับ A7X ในอัลบั้ม Waking the fallen. Christ นั้นมักจะขึ้นชื่อในผมทรงโมฮอวก์ ซึ่งไม่นานมานี้ เขาได้โกนออก และย้อมเปนสีบลอนด์และดำ จาก สี ขาว เขียว และ แดง Johnny เปนสมาชิกวงที่อายุน้อยที่สุดและเตี้ยที่สุด Johnny เปนน้องชายของเพื่อนที่โรงเรียนของ Synyster Gates โดยเค้าจำได้ว่า ตอนอยู่ไฮสคูลนั้น ได้ถูก Syn กับ The Rev แกล้งตลอด หลังจากนั้น เมื่อ A7X ได้ถูกตั้งขึ้นมา เค้ามักจะเดินมาที่โรงรถที่วงจะซ้อม กันและพยายามที่จะทำให้คนอื่นในวง ประทับใจในทักษะการเล่นเบสของเขา

อ้างอิง : ประวัติ วง Avenged Sevenfold
http://teerapon1991.blogspot.com/2012/07/avenged-sevenfold-a7x.html

ประวัติสามก๊ก

ประวัติสามก๊ก

ยุคสามก๊ก (อังกฤษ: Three Kingdoms Period; จีนตัวเต็ม: 三國; จีนตัวย่อ: 三国; พินอิน: Sānguó) เป็นชื่อเรียกช่วงระยะเวลาหนึ่งในประวัติศาสตร์จีน เกิดขึ้นในยุคปลายราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ที่แผ่นดินจีนเกิดความขัดแย้งและแตกแยกออกเป็นแคว้นต่าง ๆ จำนวนมาก โดยมีแคว้นที่ใหญ่สุดสามแคว้นได้แก่ แคว้นวุย ปกครองโดยพระเจ้าโจโฉ แคว้นง่อ ปกครองโดยพระเจ้าซุนกวน และแคว้นจ๊ก ปกครองโดยพระเจ้าเล่าปี่

ด้วยความเป็นแคว้นใหญ่ มีกำลังทหารและไพร่พลเป็นจำนวนมากและคานอำนาจซึ่งกันและกัน ทำให้ทั้งสามแคว้นต่างเปิดศึกสงครามแย่งชิงความเป็นใหญ่มาตลอดระยะเวลา ประมาณ 111 ปี โดยมี ลกเอี๋ยงหรือเมืองลั่วหยางในปัจจุบัน ซึ่งตั้งอยู่ในอาณาเขตการปกครองของแคว้นวุยเป็นเมืองหลวง และจุดศูนย์กลางของอำนาจที่ใหญ่ที่สุดในขณะนั้น จนกระทั่งเกิดการแย่งชิงราชบัลลังก์จากราชวงศ์วุยโดย สุมาเอี๋ยน และทำการรวบรวมแผ่นดินจีนที่แตกออกเป็นแคว้นต่าง ๆ ให้รวมกันเป็นหนึ่งเดียวได้สำเร็จ ก่อนสถาปนาราชวงศ์จิ้นขึ้นมาเป็นราชวงศ์ใหม่ใน พ.ศ. 823 ทำให้ยุคสามก๊กที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานสิ้นสุดลงอย่างบริบูรณ์

ในเชิงวรรณกรรมอิงประวัติศาสตร์เรื่องสามก๊กซึ่ง เป็นบทประวัติโดยหลอกว้านจง เรื่องราวและเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจริงในยุคสามก๊ก ได้ถูกเติมแต่งและอ้างอิงจนกลายเป็นวรรณกรรมอิงประวัติศาสตร์เรื่องสำคัญของ จีนและของโลก ได้รับการแปลเป็นภาษาต่าง ๆ จนกลายเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในชื่อของ สามก๊ก

จุดเกิดยุคสามก๊ก

จุดเกิดของยุคสามก๊กในประวัติศาสตร์จีน มีจุดเริ่มต้นในยุคสมัยปลายราชวงศ์ฮั่นตะวันออกซึ่งปกครองโดยพระเจ้าเหี้ยน เต้ ภายหลังถูกตั๋งโต๊ะเข้ายึดครองอำนาจทั้งหมดไว้เป็นของตน สถาปนาตนเองเป็นบิดาบุญธรรมของพระเจ้าเหี้ยนเต้ ภายหลังตั๋งโต๊ะถูกลอบสังหาร ราชสำนักและราชวงศ์เกิดความวุ่นวาย โจโฉฉวย โอกาสในสถานการณ์ที่เกิดความขัดแย้งและปั่นปวนเข้ายึดครองอำนาจและบังคับควบ คุมให้พระเจ้าเหี้ยนเต้อยู่ภายใต้การปกครอง แต่งตั้งตนเองเป็นมหาอุปราช มีอำนาจเด็ดขาดแก่เหล่าขุนศึก กองกำลังทหารและไพร่พล ครอบครองดินแดนทางเหนือส่วนหนึ่งไว้เป็นของตน

อ้วนเสี้ยวเป็น ผู้มีอำนาจและกองกำลังทหารและไพร่พลเป็นจำนวนมาก ครอบครองพื้นที่บริเวณตอนกลางและตอนปลายของลุ่มแม่น้ำฮวงโห กองทัพอ้วนเสี้ยวจัดเป็นกองกำลังทหารที่มีอำนาจสูงสุดทางภาคเหนือเช่นเดียว กับกองทัพของโจโฉ ภายหลังโจโฉสามารถนำกำลังทหารเข้าโจมตีและเอาชนะอ้วนเสี้ยวได้สำเร็จ จึงรวบรวมดินแดนทางเหนือทั้งหมดไว้เป็นของตน สำหรับดินแดนภาคใต้บริเวณตอนกลางลุ่มแม่น้ำแยงซีเกียงเป็นเขตดินแดนปกครอง ของเล่าเปียวซึ่งปกครองดินแดนด้วยความสงบและมั่นคง และตอนปลายแม่น้ำแยงซีเกียงเป็นเขตแดนปกครองของซุนกวน
ศึกสงคราม

ภาพวาดเรื่องสามก๊ก
ภาพวาดเรื่องสามก๊ก
ในประวัติศาสตร์ยุคสามก๊ก มีความยาวนานมากกว่าร้อยปี ในระหว่างช่วงเวลานี้เกิดศึกสงครามใหญ่เพื่อแย่งชิงอำนาจและความเป็นใหญ่นับ ร้อยครั้ง และศึกเล็กศึกน้อยอีกนับครั้งไม่ถ้วน เช่นศึกโจรโพกผ้าเหลือง, ศึกกัวต๋อ, ศึกทุ่งพกบ๋อง ฯลฯ สำหรับศึกสงครามในสามก๊กที่ถือเป็นศึกใหญ่ที่ต้องจารึกในประวัติศาสตร์ ได้แก่ศึกผาแดงหรือศึกเซ็กเพ็ก ในปี พ.ศ. 751 ซึ่งเป็นศึกสงครามระหว่างโจโฉ, เล่าปี่และซุนกวน โดยมีจุดเกิดของสงครามจากโจโฉ ที่ส่งกองกำลังทหารของตนลงใต้เพื่อโจมตีดินแดนของเล่าเปียว โดยใช้กองกำลังทหารเรือจิงโจวบุกประชิดเมืองซินเอี๋ยทั้งทางบกและทางน้ำ

ระหว่างที่โจโฉนำกองกำลังทหารเพื่อทำศึกสงคราม เล่าเปียวเกิดป่วยและเสียชีวิต เล่าจ๋องยอมจำนนและยกเมืองเกงจิ๋วแก่โจโฉ เล่าปี่ซึ่งอาศัยอยู่กับเล่าเปียวไม่ ยอมจำนนต่อโจโฉ จึงแตกทัพจากเมืองซินเอี๋ยไปยังเมืองอ้วนเซีย ระหว่างทางอพยพเกิดศึกสะพานเตียงปันเกี้ยวซึ่งเป็นศึกใหญ่อีกศึกในประวัติ ศาสตร์ยุคสามก๊ก ขงเบ้งรับอาสาเป็นฑุตไปเจรจาขอเป็นพันธมิตรกับซุนกวนเพื่อร่วมกันต้านทัพของโจโฉ โดยเกลี้ยกล่อมซุนกวนและจิวยี่จนยอมเปิดศึกสงครามกับโจโฉ ไล่ต้อนเผากองทัพเรือของโจโฉจนวอดวาย ได้รับชัยชนะจากศึกเซ็กเพ็กอย่างงดงาม

อาณาจักรสามก๊ก

ในการปกครองบ้านเมืองของจีน ราชวงศ์ฮั่นถือเป็นราชวงศ์ที่ยิ่งใหญ่ราชวงศ์หนึ่ง ซึ่งได้แผ่ขยายอาณาเขตออกไปไกล ขับไล่ชนเผ่านอกด่านออกไปจากภาคเหนือของประเทศได้ ด้านทิศเหนือครอบครองแมนจูเรียและเกาหลีบางส่วน ทิศใต้ครองมณฑลกวางตุ้งและกว่างซีรวมถึงตอนเหนือของเวียดนาม ครั้นถึงปลายสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออกหรือตงฮั่น จักรพรรดิทรงอ่อนแอ ขันทีมีอำนาจเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ขุนศึกหัวเมืองต่าง ๆ พากันกระด้างกระเดื่องและตั้งกองกำลังส่วนตัวขึ้น ก่อความเดือดร้อนแก่ชาวบ้านไปทั่วแผ่นดิน ราษฎรได้รับความเดือนร้อนไปทั่วจนทำให้เกิดกบฏโจรโพกผ้าเหลืองขึ้น กลุ่มอิทธิพลต่าง ๆ ทำสงครามแย่งชิงอำนาจกันโดยไม่สนใจรัฐบาลกลาง ในที่สุดแผ่นดินจีนแตกออกเป็นสามก๊กอย่างชัดเจนภายหลังจากที่โจโฉพ่ายแพ้แก่ เล่าปี่และซุนกวนในการศึกที่ผาแดง เมื่อปี พ.ศ. 751

ภายหลังจากศึกเซ็กเพ็ก อำนาจความเป็นใหญ่ในแผ่นดินจีนแบ่งเป็นสามฝ่ายอย่างชัดเจน ต่างครอบครองเขตแดน ความยิ่งใหญ่และความแข็งแกร่งของกองกำลังทหาร คานอำนาจซึ่งกันและกันระหว่างโจโฉ ซุนกวนและเล่าปี่ ทำศึกสงครามและเป็นพันธมิตรร่วมกันมาตลอด โจโฉครอบครองดินแดนทางเหนือทั้งหมดเป็นแคว้นวุย ครองอำนาจบริเวณแถบลุ่มแม่น้ำฮวงโห แคว้นวุยจัดเป็นแคว้นที่แข็งแกร่งที่สุด มีกองกำลังทหาร ขุนศึก ที่ปรึกษาเป็นกำลังจำนวนมาก โดยเฉพาะตระกูลสุมา ซึ่งภายหลังได้ทำการยึดครองอำนาจจากราชวงศ์วุยและสถาปนาราชวงศ์จิ้นแทน

ซุนกวนครอบครองดินแดนทางตะวันออกบริเวณทางใต้ทั้งหมดเป็นแคว้นง่อ ครองอำนาจบริเวณปากแม่น้ำแยงซีเกียง มีกองกำลังทหาร ขุนศึกและที่ปรึกษาจำนวนมากเช่นเดียวกับแคว้นวุย เช่นจิวยี่ เตียวเจียว กำเหลง ลิบอง ลกซุนและโลซก และเล่าปี่ ครองอำนาจดินแดนทางภาคตะวันตกในแถบชิงอี้โจวกับฮั่นจงเป็นแคว้นจ๊ก มีกองกำลังทหาร ขุนศึกและที่ปรึกษา เช่น กวนอู เตียวหุย จูล่ง ม้าเฉียว ฮองตงและขงเบ้ง แคว้นจ๊กจัดเป็นแคว้นที่มีอายุน้อยที่สุดก่อนล่มสลายด้วยกองกำลังทหารของแคว้นวุย

แคว้นวุย

วุยหรือเฉาเวย (จีน: 曹薇) จัดเป็นก๊กที่ยิ่งใหญ่และมีอำนาจมากที่สุดในบรรดาสามก๊ก ในระหว่างปี พ.ศ. 763 - พ.ศ. 808 (ปี ค.ศ. 220-265) วุยก๊กครอบครองพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศจีน ปกครองโดยโจโฉ ต่อมาได้รับการสถาปนาเป็นราชวงศ์วุยโดยพระเจ้าโจผีและได้สถาปนาโจโฉเป็นจักรพรรดิแห่งราชวงศ์วุยอีกพระองค์หนึ่ง วุยก๊กปกครองอาณาจักรโดยจักพรรดิสืบต่อกันมาทั้งหมด 5 พระองค์ ได้แก่

1.พระเจ้าโจผี ปกครองวุยก๊กในระหว่างปี พ.ศ. 763 - 769
2.พระเจ้าโจยอย ปกครองวุยก๊กในระหว่างปี พ.ศ. 769 - 782
3.พระเจ้าโจฮอง ปกครองวุยก๊กในระหว่างปี พ.ศ. 782 - 797
4.พระเจ้าโจมอ ปกครองวุยก๊กในระหว่างปี พ.ศ. 797 - 803
5.พระเจ้าโจฮวน ปกครองวุยก๊กในระหว่างปี พ.ศ. 803 - 808
วุยก๊กถูกโจมตีและโค่นล้มราชวงศ์วุยโดยสุมาเอี๋ยน ซึ่งต่อมาภายหลังได้สถาปนาราชวงศ์จิ้นขึ้นแทนและรวบรวมแผ่นดินที่แบ่งเป็น ก๊กต่าง ๆ เข้าด้วยกัน

แคว้นจ๊ก

จ๊กหรือสู่ฮั่น (จีน: 属汉) เป็นหนึ่งในอาณาจักรสามก๊ก ปกครองโดยพระเจ้าเล่าปี่ เชื้อพระวงศ์แห่งราชวงศ์ฮั่น ในระหว่างปี พ.ศ. 764 - พ.ศ. 806 (ปี ค.ศ. 221-263) จ๊กก๊กครอบครองพื้นที่ทางภาคตะวันตกของประเทศจีน บริเวณมณฑลเสฉวน จ๊กก๊กปกครองอาณาจักรโดยจักรพรรดิสืบต่อกันมาทั้งหมด 2 พระองค์ ได้แก่

1.พระเจ้าเล่าปี่ ปกครองจ๊กก๊กในระหว่างปี พ.ศ. 764 - 766
2.พระเจ้าเล่าเสี้ยน ปกครองจ๊กก๊กในระหว่างปี พ.ศ. 766 - 806
จ๊กก๊กมีอายุได้แค่เพียง 42 ปีก็ล่มสลายลงด้วยกองทัพของวุยก๊ก เนื่องจากการปกครองแผ่นดินที่ล้มเหลวของพระเจ้าเล่าเสี้ยน

แคว้นง่อ

ง่อหรืออาณาจักรอู่ตะวันออก (จีน: 東吳) เป็นหนึ่งในอาณาจักรสามก๊ก ปกครองโดยพระเจ้าซุนกวน ในระหว่างปี พ.ศ. 765 - พ.ศ. 823 (ปี ค.ศ. 222-280) ง่อก๊กครอบครองพื้นที่ทางด้านตะวันออกของประเทศจีน ทางบริเวณตอนใต้ของแม่น้ำแยงซี ซึ่งคือพื้นที่บริเวณรอบ ๆ เมืองหนานจิงในปัจจุบัน ง่อก๊กปกครองอาณาจักรโดยจักรพรรดิสืบต่อกันมาทั้งหมด 4 พระองค์ ได้แก่

1.พระเจ้าซุนกวน ปกครองง่อก๊กในระหว่างปี พ.ศ. 765 - 795
2.พระเจ้าซุนเหลียง ปกครองง่อก๊กในระหว่างปี พ.ศ. 795 - 801
3.พระเจ้าซุนฮิว ปกครองง่อก๊กในระหว่างปี พ.ศ. 801 - 807
4.พระเจ้าซุนโฮ ปกครองง่อก๊กในระหว่างปี พ.ศ. 807 - 823
ง่อก๊กเป็นอาณาจักรสุดท้ายในบรรดาอาณาจักรสามก๊กที่ล่มสลายโดยกองทัพของสุมาเอี๋ยนและราชวงศ์จิ้น

การรวมแผ่นดิน

สามก๊ก
สามก๊ก
ภายหลังจากแผ่นดินจีนแตกแยกออกเป็นแคว้นใหญ่สามแคว้น ต่างครองอำนาจและความเป็นใหญ่ คานอำนาจซึ่งกันและกันรวมทั้งเกิดศึกสงครามแย่งชิงดินแดนบางส่วนของแคว้นจ๊ก การเป็นพันธมิตรระหว่างแคว้นง่อและแคว้นวุยจนเป็นเหตุให้แคว้นจ๊กเปิดศึก สงครามกับแคว้นง่อจนพ่ายแพ้ยับเยิน เป็นเหตุให้พระเจ้าเล่าปี่สิ้นพระชนม์ ขงเบ้งจึง เป็นผู้รับสืบทอดเจตนารมณ์ในการรวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่งสืบต่อไป แคว้นจ๊กเปิดศึกสงครามกับแคว้นวุยนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ไม่อาจยึดครองดินแดนทั้งสามให้เป็นหนึ่งได้สำเร็จจนเสียชีวิตในระหว่าง ศึกอู่จั้งหยวน และหลังจากขงเบ้งเสียชีวิต พระเจ้าเล่าเสี้ยนไม่สามารถปกครองแคว้นจ๊กได้ เป็นเหตุแคว้นจ๊กก๊กเกิดความอ่อนแอและล่มสลาย

แคว้นวุยซึ่งปกครองโดยโจโฉผลัด แผ่นดินใหม่โดยโจผีเป็นผู้ครองแคว้นสืบต่อไป โดยแย่งชิงอำนาจจากพระเจ้าเหี้ยนเต้และตั้งตนเป็นจักรพรรดิ สถาปนาราชวงศ์วุยแทนราชวงศ์ฮั่น ภายหลังถูกสุมาเอี๋ยนแย่งชิงราชบัลลังก์และสถาปนาราชวงศ์จิ้นแทน รวมทั้งนำกำลังทหารบุกโจมตีแคว้นง่อจนเป็นเหตุให้พระเจ้าซุนโฮยอม สวามิภักดิ์ และรวบรวมแผ่นดินจีนที่แตกออกเป็นสามก๊กให้รวมเป็นหนึ่งเดียวได้สำเร็จ


ตัวอย่างภาพยนต์


ที่มา http://3kingdomhistory.blogspot.com/2012/01/blog-post_3241.html

กำแพงเมืองจีน

กำแพงเมืองจีน

       กำแพงเมืองจีนถือกันว่า เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก มีระยะทางยาวกว่า 7,000 กิโลเมตร เป็นสิ่งก่อสร้างในกิจการป้องกันทางการทหารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและใช้เวลา สร้างนานที่สุดในโลกสมัยโบราณ เมื่อปี 1987 กำแพงเมืองจีนได้รับคัดเลือกให้เป็นมรดกโลก งาน สร้างสรรค์กำแพงเมืองจีนเริ่มขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 ก่อนคริสต์ศักราช ผู้ปกครองของจีนในสมัยโน้นได้สร้างกำแพงเมืองเชื่อมป้อมและป้อมไฟสัญญาณแจ้ง เหตุในเขตชายแดนเข้าด้วยกันเพื่อป้องกันการรุกรานจากชนชาติส่วนน้อยในภาค เหนือ ถึงสมัยชุนชิวจ้านกั๋ว เจ้าผู้ครองแคว้นต่าง ๆ ของจีนพากัน แย่งชิงความเป็นใหญ่ เกิดสงครามระหว่างกันไม่ขาดสาย จึงได้สร้างกำแพงเมืองตามเทือกเขาใน เขตชายแดนเพื่อป้องกันฝ่ายตรงข้าม ถึงปี 221 ก่อนคริสต์ศักราชจักรพรรดิจิ๋นซีได้รวมจีนเข้าเป็นเอกภาพและได้เชื่อมกำแพง เมืองในแคว้นต่าง ๆ เข้าด้วยกัน เพื่อป้องกันการรุกรานจากชนชาติ ส่วนน้อยแถบทุ่งหญ้าอันกว้างไพศาลในมองโกเลีย กำแพงเมืองจีนในสมัยนั้นมีระยะทางยาวกว่า 5,000 กิโลเมตร หลังจากนั้น ผู้ปกครองของจีนในสมัยราชวงศ์ฮั่นได้สร้างกำแพงเมืองจีนต่อจนมี ระยะทางยาวกว่า 10,000 กิโลเมตร ในช่วงระยะเวลากว่า 2000 ปี ผู้ปกครองของจีนในสมัยต่าง ๆ ต่างก็เคยสร้างกำแพงเมืองมากบ้างน้อยบ้าง รวม ๆ แล้วมีระยะทางยาวกว่า 50000 กิโลเมตร  ซึ่งสามารถล้อมโลกได้เกิน 1 รอบ
โดยทั่วไปแล้ว กำแพงเมืองจีนในปัจจุบันหมายถึงกำแพงเมืองจีนสมัยราชวงศ์หมิง (ค.ศ.1368 -ค.ศ.1644)ระหว่างด่านเจียอี้กวนในมณฑลกันซู่ทางภาคตะวันตกถึงริมฝั่งแม่ น้ำยาลู่ในมณฑลเหลียวหนิงทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ผ่าน 9 มณฑล นครและเขตปกครองตนเอง ของจีนโดยมีระยะทางยาวรวม 7300 กิโลเมตร เท่ากับ 14000 กว่าลี้ จึงได้ชื่อว่า กำแพงหมื่นลี้
โดยทั่วไปแล้ว ด้านนอกของกำแพงเมืองจีนก่อด้วยอิฐก้อนใหญ่และแกนหินข้างในถมด้วยดินเหลืองและเศษหิน ความสูงประมาณ 10 เมตร สันกำแพงเมืองจีนกว้าง 4 ถึง 5 เมตร ให้ม้า 4 ตัวไปพร้อมกันได้ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายทหาร ขนส่งอาหารและอาวุธยามศึก ด้านในของกำแพงเมืองมีประตูที่ทำบันไดหินไว้ การขึ้นลงสะดวกมาก ทั้งได้สร้างป้อมและป้อม จุดไฟสัญญาณแจ้งเหตุเป็นช่วง ๆ ป้อมเป็นที่เก็บอาวุธ อาหารและที่พักของทหาร ยามศึก ก็จะใช้เป็นที่กำบังได้ ถ้ามีศัตรูรุกเข้ามา ก็จะจุดไฟสัญญาณให้มีควันขึ้นบนป้อมแจ้งเหตุเพื่อส่งข่าว ไปยังทั่วประเทศทันที
ปัจจุบัน กำแพงเมืองจีนไม่มีสมรรถนะในการใช้เป็นป้อมรับศึกอีกแล้ว แต่ก็ยังเป็นสิ่งที่น่าทึ่งในฐานะสถาปัตยกรรมอันสง่างามอย่างหนึ่งที่มีลักษณะพิเศษ
กำแพงเมืองจีนมีความหมายทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและคุณค่าทางการท่องเที่ยวอย่างสูง  ผู้คนในจีนซึ่งรวมทั้งนักท่องเที่ยวทั้งจีนและต่างประเทศแม้กระทั่งผู้นำต่างประเทศด้วยมักจะกล่าวกันว่า ถ้า ไม่ได้ขึ้นกำแพงเมืองจีนก็ไม่ใช่ผู้กล้า กำแพงเมืองจีนหลายช่วงที่ได้รับการอนุรักษ์ค่อนข้างดี เช่น ป๋าต้าหลิ่ง ซือหม่าไถ มู่เถียนอี้ ด่านซานไห่กวน และด่านเจียอี้กวน เป็นต้นต่างก็เป็นแหล่งท่อง เที่ยวที่มีชื่อเสียงมาก มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวกันสม่ำเสมอตลอดทั้งปี
เมื่อปี 1987 กำแพงเมืองจีนได้รับคัดเลือกให้เป็นมรดกโลกในฐานะที่เป็น สัญลักษณ์ของประชาชาติจีน

หลวงพ่อพระใส


      
 



   หลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย จ.หนองคาย เป็นพระพุทธรูปสำคัญคู่เมือง ประดิษฐานอยู่ที่วัดโพธิ์ชัย ซึ่งมีฐานะเป็นวัดอารามหลวง
ตั้งอยู่ที่ถนนโพธิ์ชัย ในเขตเทศบาลเมือง ห่างจากตัวเมืองหนองคายไปประมาณ 2 กิโลเมตร ตามทาง หลวงหมายเลข 212 ทางไป อ.โพนพิสัย วัดจะอยู่ทางซ้ายมือ เป็นพระพุทธรูปขัดสมาธิราบ ปางมารวิชัย หล่อด้วยทองสีสุก หน้าตักกว้าง 2 คืบ 8 นิ้ว ส่วนสูงจากพระชงฆ์เบื้อล่างถึงยอดพระเกศ ๔ คืบ ๑ นิ้วของช่างไม้

ประวัติการสร้าง
สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงสันนิษฐานไว้ในหนังสือประวัติพระพุทธรูปสำคัญ ซึ่งพิมพ์แจกในงานทอดกฐินพระราชทาน พ.ศ. 2468 ว่า หลวงพ่อพระใส เป็นพระพุทธรูปหล่อในสมัยล้านช้าง และตามตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาว่า พระธิดา 3 องค์ แห่งกษัตริย์ล้านช้างเป็นผู้สร้าง บางท่านก็ว่าเป็นพระราชธิดาของพระไชยเชษฐาธิราช ได้หล่อพระพุทธรูปขึ้น 3 องค์ และขนานนาม พระพุทธรูปตามนามของตนเองไว้ด้วยว่า พระเสริมประจำพี่ใหญ่ พระสุกประจำคนกลาง พระใสประจำน้องสุดท้อง มีขนาดลดหลั่นกันตามลำดับ
การประดิษฐาน
เดิมทีนั้นหลวงพ่อพระใสได้ประดิษฐาน ณ เมืองเวียงจันทน์ พ.ศ. ๒๓๒๑ สมัยกรุงธนบุรีได้อัญเชิญไปไว้ที่เมืองเวียงคำ และถูกเชิญมาประดิษฐานไว้ที่วัดโพนชัย เมืองเวียงจันทน์อีก ต่อมาในรัชกาลที่ ๓ เจ้าอนุวงศ์ เมืองเวียงจันทน์เป็นกบฎ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิ์พลเสพย์ เป็นจอมทัพยกพลมาปราบ จึงได้อัญเชิญพระสุก พระเสริม และพระใส ลงมาด้วย โดยอัญเชิญมาจากภูเขาควายขึ้นประดิษฐานบนแพไม้ไผ่ ซึ่งผูกติดกันอย่างมั่นคงล่องมาตามลำน้ำงึม เมื่อล่องมาถึงตรงบ้านเวินแท่นในขณะนั้น เกิดอัศจรรย์แท่นของพระสุกได้เกิดแหกแพจมลงไปในน้ำ โดยเหตุที่มีพายุพัดแรงจัด และบริเวณนั้นได้นามว่า "เวินแท่น"
การล่องแพก็ยังล่องมาตามลำดับจนถึงน้ำโขง (ปากน้ำงึม) เฉียงกับบ้านหนองกุ้ง อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ได้เกิดพายุใหญ่ เสียงฟ้าคำรามคะนองร้องลั่น ในที่สุดพระสุกได้แหกแพจมลงไปในน้ำ ซึ่งอาการวิปริตต่างๆ ก็ได้หายไปเป็นอัศจรรย์ยิ่ง บริเวณนั้นจึงได้ชื่อว่า "เวินสุก" และพระสุกก็จมอยู่ในน้ำตรงนั้นมาจนถึงปัจจุบันนี้
ก็ยังเหลือแต่พระเสริม พระใส ที่ได้นำขึ้นมาถึงเมืองหนองคาย พระเสริมนั้นได้ถูกอัญเชิญประดิษฐานไว้ ณ วัดโพธิ์ชัย ส่วนพระใส ได้อัญเชิญประดิษฐานไว้ ณ วัดหอก่อง (ปัจจุบันคือวัดประดิษฐ์ธรรมคุณ)
ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๔ สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯ ให้ขุนวรธานีและเจ้าเหม็น (ข้าหลวง) อัญเชิญพระเสริม จากวัดโพธิ์ชัย หนองคายไปกรุงเทพฯ และอัญเชิญพระใสจากวัดหอก่องขึ้นประดิษฐานบนเกวียนจะอัญเชิญลงไปกรุงเทพฯ ด้วย แต่พอมาถึงวัดโพธื์ชัย หลวงพ่อพระใสได้แสดงปาฏิหาริย์จนเกวียนหักจึงอัญเชิญลงไปไม่ได้ ได้แต่พระเสริมลงกรุงเทพฯ ประดิษฐาน ณ วัดปทุมวนาราม ส่วนหลวงพ่อพระใสได้อัญเชิญประดิษฐาน ณ วัดโพธิ์ชัย อ.เมืองหนองคาย จนถึงปัจจุบัน ความอัศจรรย์ของหลวงพ่อพระใสจนได้สมญาว่า "หลวงพ่อเกวียนหัก"

ที่มา http://www.dhammathai.org/thailand/bi24.php

จังหวัดหนองคาย




ประวัติย่อ ความเป็นมาของจังหวัดหนองคาย
จังหวัดหนองคาย มีประวัติความเป็นมายาวนานประมาณ 200 ปีเศษ โดยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) เจ้าอนุวงศ์กษัตริย์ผู้ครองนครเวียงจันทน์ ได้ตั้งตัวเป็นกบฎ ยกกองทัพผ่านหัวเมืองรายทางมาจนถึงนครราชสีมา ทางกรุงเทพฯ ได้โปรดให้เจ้าพระยาราชสุภาวดี (สิงห์ สิงหเสนี) เป็นแม่ทัพมาปราบ โดยมีท้าวสุวอธรรมา (บุญมา) ยกกองทัพมาจากเมืองยโสธร และ พระยาเชียงสา มาช่วยเป็นกำลังสำคัญ ในที่สุดสามารถจับตัวเจ้าอนุวงศ์ไปกรุงเทพฯจนสำเร็จและได้พระราชทานบำเหน็จ ล่วงมาถึง 21 เมษายน พ.ศ.2371 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว(รัชกาลที่ 3) โปรดเกล้าฯ ให้ท้าวสุวอธรรมา (บุญมา) เป็นพระปทุมเทวาภิบาล ดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองหนองคายคนแรก และให้เมืองเวียงจันทน์ขึ้นตรงต่อเมืองหนองคาย

ในปี พ.ศ.2434 ภายหลังกบฏฮ่อ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอประจักษ์ศิลปาคม เป็นข้าหลวงใหญ่ต่างพระองค์สำเร็จราชการมณฑลลาวพวน ตั้งที่ทำการมณฑลอยู่ที่เมืองหนองคาย ต่อมาในปี พ.ศ. 2436 ไทยเสียดินแดน ฝั่งซ้ายของแม่น้าโขงให้แก่ฝรั่งเศส และได้ระบุในสัญญาว่าห้ามมิให้ไทยตั้งหรือนำกองทัพทหารอยู่ในเขต 25 กิโลเมตร จากชายแดน กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมจึงทรงย้ายที่ทำการมณฑลฯ ไปอยู่บริเวณบ้านเดื่อหมากแข้ง และตั้งเป็นมณฑลอุดรธานี ต่อมาในปี พ.ศ. 2457 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ได้โปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติปกครองพื้นที่ขึ้นโดยให้ยกเลิกระบอบเจ้าปกครองทั่วประเทศ ในวันที่ 1 เมษายน พ.ศ 2458 กระทรวงมหาดไทยจึงได้มีคำสั่งสถาปนาเมืองข้าหลวงปกครอง ซึ่งต่อมาเรียกว่าผู้ว่าราชการจังหวัด และในปี พ.ศ. 2476 ได้มีการจัดระเบียบบริหารราชการส่วนภูมิภาคเป็นจังหวัดและอำเภอ

ในปี พ.ศ.2554 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) ได้มีพระราชบัญญัติตั้งจังหวัดบึงกาฬ พ.ศ.2554 (ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2554) มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2554 โดยให้แยกอำเภอบึงกาฬ อำเภอปากคาด อำเภอโซ่พิสัย อำเภอพรเจริญ อำเภอเซกา อำเภอบึงโขงหลง อำเภอศรีวิไล และอำเภอบุ่งคล้า ออกจากจังหวัดหนองคาย

ขนาดและที่ตั้ง
จังหวัดหนองคาย มีเนื้อที่ประมาณ 3,026.534 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 1,891,583 ไร่ ลักษณะเป็นรูปยาวเรียงทอดไปตามลำน้ำโขง ซึ่งเป็นเส้นกั้นเขตแดนกับประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) มีความยาวทั้งสิ้น 210.60 กิโลเมตร ความกว้างของพื้นที่ที่ทอดขนานไปตาม ลำน้ำโขงโดยเฉลี่ย 20 - 25 กิโลเมตร ห่างจากกรุงเทพมหานครตามทางหลวงแผ่นดินสาย 2 (มิตรภาพ) ประมาณ 615 กิโลเมตร

อาณาเขตติดต่อกับจังหวัดใกล้เคียงดังนี้
ทิศเหนือ ติดแม่น้ำโขงอันเป็นเส้นกั้นพรมแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศสาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนลาว
ทิศใต้ ติดอำเภอบ้านม่วง จังหวัดสกลนคร อำเภอเพ็ญ อำเภอสร้างคอม และอำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี
ทิศตะวันออก ติดอำเภอปากคาด และอำเภอโซ่พิสัย จังหวัดบึงกาฬ
ทิศตะวันตก ติดอำเภอปากชม จังหวัดเลย

จังหวัดหนองคายแบ่งเป็น 9 อำเภอ แยกเป็นตำบล 62 ตำบล (เรียงตามอักษรแนวนอนและสามารถคลิกดูข้อมูลแต่ละตำบลได้เลย)

กวนวัน-- กองนาง-- กุดบง-- แก้งไก่-- คอกช้าง-- ค่ายบกหวาน-- โคกคอน-- จุมพล-- ชุมช้าง-- เซิม-- ด่านศรีสุข-- ท่าบ่อ-- ทุ่งหลวง-- นาข่า-- นางิ้ว-- นาดี-- นาทับไฮ-- นาหนัง-- น้ำโมง-- ในเมือง-- บ้านเดื่อ-- บ้านเดื่อ-- บ้านต้อน-- บ้านถ่อน-- บ้านผือ-- บ้านฝาง-- บ้านโพธิ์-- บ้านม่วง-- บ้านว่าน-- บ้านหม้อ-- ปะโค-- ผาตั้ง-- เฝ้าไร่-- พระธาตุบังพวน-- พระบาทนาสิงห์-- พระพุทธบาท-- พานพร้าว-- โพธิ์ชัย-- โพธิ์ตาก-- โพนทอง-- โพนแพง-- โพนสว่าง-- โพนสา-- มีชัย-- เมืองหมี-- รัตนวาปี-- วังหลวง-- วัดธาตุ-- วัดหลวง-- เวียงคุก-- สระใคร-- สร้างนางขาว-- สังคม-- สีกาย-- หนองกอมเกาะ-- หนองนาง-- หนองปลาปาก-- หนองหลวง-- หาดคำ-- หินโงม-- เหล่าต่างคำ-- อุดมพร

บั้งไฟพญานาค





บั้งไฟพญานาค หรือชื่อที่เรียกกันในก่อนปี พ.ศ. 2529 ว่า บั้งไฟผี เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกลางแม่น้ำโขง เห็นได้จากทั้งฝั่งไทยและลาว ลักษณะเป็นลูกกลมเรืองแสงลอยขึ้นจากน้ำขึ้นไปในอากาศ จำนวนลูกไฟมีรายงานระหว่างหลายสิบถึงหลายพันลูกต่อคืน บั้งไฟพญานาคเกิดช่วงวันออกพรรษาของแต่ละปี
บั้งไฟพญานาคยังไม่สามารถระบุสาเหตุได้แน่ชัด แต่มีคำอธิบายสามแนวทาง คือ เป็นปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติตามตำนาน เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ และเป็นการกระทำของมนุษย์

ลักษณะ

การเกิดบั้งไฟพญานาค บั้งไฟจะเอนเข้าหาฝั่ง หากขึ้นกลางแม่น้ำโขง แต่หากขึ้นริมฝั่ง บั้งไฟจะเอนออกไปกลางโขง ลักษณะเป็นดวงไฟขนาดเล็กเท่าหัวแม่มือ ไปจนถึงขนาดเท่าไข่ห่านหรือผลส้ม มีสีแดงอมชมพูออกสีบานเย็น หรือสีแดงทับทิม ไม่มีควัน ไม่มีเขม่า ไม่มีเปลว ไม่มีเสียง ไม่มีกลิ่น
โดยบั้งไฟพญานาคจะเริ่มปรากฏจากเหนือผิวน้ำ ตั้งแต่ระดับ 1-30 เมตร พุ่งสูงขึ้นไปประมาณระดับ 50-150 เมตร เป็นเวลาประมาณ 5-10 วินาที แล้วจะดับหายวับไปในอากาศ ทั้งที่ดวงไฟยังโตอยู่ มิได้หรี่เล็กลงแล้วค่อย ๆ ดับ และไม่มีลักษณะโค้งตกลงมาเหมือนดอกไม้ไฟ

บริเวณที่พบ

ตำแหน่งที่บั้งไฟพญานาคมักจะปรากฏให้เห็นว่า ทั่วทั้งจังหวัดหนองคาย มีอยู่ทั้งหมดประมาณ 20 จุด โดยในจังหวัดหนองคายเกิดขึ้นหลายจุด แต่จุดที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี มีผู้พบเห็นบ่อยครั้งเริ่มจากที่อำเภอสังคม บริเวณ "อ่างปลาบึก" บ้านผาตั้ง บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอสังคม ต่อมาที่บริเวณ "วัดหินหมากเป้ง" อำเภอศรีเชียงใหม่
ถัดจากนั้นก็จะพบในเขตอำเภอเมืองบ้านหินโงม ตำบลหินโงม อำเภอเมืองหนองคาย หน้าสถานีตำรวจภูธรตำบลบ้านเดื่อ ตำบลบ้านเดื่อ อำเภอเมืองหนองคาย พอเข้าสู่เขต อำเภอโพนพิสัยก็จะพบแทบจะตลอดลำน้ำโขง ตั้งแต่ปากห้วยหลวง ตำบลห้วยหลวง ในเขตเทศบาลตำบลจุมพล หน้าวัดไทย วัดจุมพล วัดจอมนาง หนองสรวง เวินพระสุก ท่าทรายรวมโชค ตำบลกุดบง บ้านหนองกุ้ง ซึ่งที่อำเภอโพนพิสัยจะพบมากที่สุด แล้วมาพบอีกที่อำเภอรัตนวาปี บริเวณ ปากห้วยเป บ้านน้ำเป วัดเปงจาเหนือ บ้านหนองแก้ว ในเขตอำเภอปากคาด จังหวัดบึงกาฬ บ้านปากคาดมวลชล ห้วยคาด และที่อำเภอเมืองบึงกาฬ บริเวณวัดอาฮง ตำบลหอคำ ซึ่งเป็นจุดที่ชาวหนองคายเชื่อกันว่าเป็นสะดือแม่น้ำโขง เป็นเมืองหลวงของเมืองบาดาล ก็ปรากฏบั้งไฟพญานาคให้เห็นเช่นกัน
สำหรับจังหวัดอุบลราชธานี มีชาวบ้านพบเห็นในอำเภอโขงเจียม กำหนดจุดชมไว้ 3 แห่ง คือ บ้านกุ่ม บ้านท่าล้ง และบ้านตามุย
สำหรับระยะเวลาในการขึ้นของบั้งไฟพญานาคนั้นจะขึ้น ระหว่างตะวันตกดินถึงประมาณ 23.00 น. ก็จะหมดไป

ที่มา


http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%9E%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84

วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

เจาะลึก รู้รอบตัว รอยสัก


ประวัติความเป็นมาในการสักยันต์ของไทย

ประวัติความเป็นมาในการสักยันต์ของไทย

วัฒนธรรมการสักบนผิวหนัง การสักลวดลายบนผิวหนังหรือที่เรียกว่าสักลายหรือสักยันต์เป็นวัฒธรรมอย่าง หนึ่งของไทย ที่มีมาช้านานแต่ทุกวันนี้ลายสักหรือสักยันต์ตามความเชื่ออย่างโบราณนั้นได้ แปลเปลี่ยนไปจากโบราณไปอย่างมาก ทั้งวิธีการสักและลวดลายภาพที่มีความวิจิตรบรรจงมากขึ้น เรื่องราวของลายสักของคนไทยเป็นสิ่งที่น่าศึกษาค้นคว้าเรื่องหนึ่ง แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจใคร่ศึกษามากนัก ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมพื้นบ้านอย่างหนึ่งและนับวันจะสูญหาย ไป และ ณ บัดนี้ ความรู้จะถูกตีแผ่เพื่อสังคมได้รับรู้รับทราบเพื่อเป็นข้อมูลแด่คนรุ่นหลังๆ สืบต่อไป
 
  "สัก" คืออะไร พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยถาน พ.ศ. ๒๕๒๕ เขียนว่า "สัก คือ การเอาเหล็กแหลมแทงลงด้วยวิธี การหรือเพื่อประโยชน์ต่าง ๆ กัน, ใช้เหล็กแหลมจุ้มหมึกหรือน้ำมันแทงที่ผิวหนังให้เป็นอักขระ เครื่องหมายหรือลวดลาย, ถ้าใช้หมึกเรียกว่า สักหมึก, ถ้าใช้น้ำมันเรียกว่า สักน้ำมัน (โบ)” ทำเครื่องหมายสักเพื่อแสดงเป็นหลักฐาน เช่น "สักข้อมือ แสดงว่าได้ขึ้นทะเบียนเป็นชายฉกรรจ์หรือ มีสังกัดกรมกองแล้ว สักหน้า แสดงว่าเป็นผู้ต้องโทษปราชิก เป็นต้น" จากคำอธิบายดังกล่าวทำให้รู้ว่า การสักลายหรือลายสักของไทยคืออะไร ประเพณีการสักนั้นมีไม่แพร่หลาย บางหมู่บ้านจะพบว่า ผู้ชายไม่ว่าหนุ่มหรือแก่มักมีลายสักที่หน้าอก และแผ่นหลังตามสมัยนิยม ในขณะที่ผู้ชำนาญในการสักของท้องถิ่นแสดงความสามารถที่สืบทอดมาอย่างเต็มที่ ผู้ที่ทำหน้าที่สักมีทั้งพระสงฆ์และคนธรรมดา

  การศึกษาค้นคว้าศิลปะชาวบ้านประเภทนี้ ควรจะได้รับการศึกษาบันทึกเกี่ยวกับการออกแบบกรรมวิธีและพิธีกรรม ศึกษาเปรียบเทียบแต่ละกลุ่มชน ศึกษาค่านิยม และความเปลี่ยนแปลง ศึกษาการสักที่สืบทอดมาแต่โบราณ การสักมีรูปแบบที่แตกต่างกันอยู่ 2 รูปแบบ คือ ลายสักที่สืบทอดกันมาแแต่โบราณ และ ลายสักที่เกี่ยวเนื่องกับความเชื่อ แต่ละรูปแบบจะมีวิวัฒนา การตามแบบฉบับของมัน และแสดงให้เห็นรูปแบบของธรรมเนียมในประวัติศาสตร์ของประเทศไทยในแต่ละแง่แต่ ละมุมของลายสักที่สืบทอดกันมาในสังคมไทยในอดีต

  การสักที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ นักประวัติศาสตร์ซึ่งคุ้นเคยกับชีวิตแบบไทย ๆ คงจะทราบความจริงว่าข้าราชการของไทยจะทำตำหนิที่ข้อมือคนในบังคับซึ่งเป็น หน้าที่ของแผนกทะเบียนเป็นผู้บันทึกและรวบรวมสถิติชาย และอาจะเดาได้ว่าการสักเป็นจุดเริ่มต้นของการแบ่งส่วนราชการของไทย หรือการสักเป็นไปตามการแบ่งส่วนราชการ การทำเครื่องหมายลงบนร่างกายนี้อาจมีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น ในรัชสมัยของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ( พ.ศ. ๑๙๙๑ - ๒๐๓๑ )

  การสักที่เกี่ยวเนื่องกับความเชื่อ วัตถุประสงค์ของการสัก ผู้ชายบางคนจะสักยันต์ด้วยเหตุผลทางเวทมนต์คาถาเพื่อความแข็ง แกร่งของจิตใจและต้องการอยู่ยงคงกระพัน ซึ่งเป็นความเชื่ออย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นเป็นประเพณีนิยมในชนบางกลุ่ม การสักลักษณะนี้จะสักให้เฉพาะชายฉกรรจ์เท่านั้น การสักมีลักษณะที่สอดแทรกไว้ด้วยความเชื่อและพิธีกรรมหลายอย่าง เช่น ก่อนทำการสักจะต้องมีการทำพิธีไหว้ครู ในการสักนั้นก็จะประกอบด้วยการร่ายเวทมนต์โดยอาจารย์สักจะถูผิวหนังของผู้มา สักทั้งก่อน ขณะสักลายหรือสักยันต์ และหลังจากสักเสร็จแล้ว อาจารย์สักแต่ละคนจะมีรูปแบบของลวดลายเป็นของตนเอง และผู้ที่ต้องการจะสักสามารถเลือกลายที่อาจารย์มีอยู่ได้ตามต้องการ ส่วนมากจะเป็นสัตว์ในเทพนิยาย และ เป็นอักขระขอมและเลขยันต์ อาจจะสักลายทั้งสามประเภทผสมกัน ดังนั้นลายสักของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน

  การสักในประเทศไทยอาจจะมีมาแต่โบราณ แต่จะมีมาตั้งแต่สมัยใดนั้นไม่มีหลักฐานชัดเจน การสักยันต์เพื่อให้อยู่ยงคงกระพันนั้นเชื่อว่ามีมานานแล้วดังปรากฎใน วรรณคดี เรื่องขุนช้างขุนแผน และวรรณกรรมอื่นๆ แต่การสักมักมองว่าเป็นเรื่องของนักเลง จึงถูกมองไปในทางลบ ทำให้ศิลปะบนผิวหนังประเภทนี้เกือบจะสูญหายไปจากสังคมไทย

  เหตุผลที่การสักยังคงมีอยู่คือ หลาย ๆ คนยังเชื่อว่า การสักจะทำให้มีโชค แคล้วคลาด ปลอดภัย และอยู่ยงคงกระพัน พ้นจากอันตรายต่างๆ รูปแบบของการสักแต่ละชนิดจะมีความขลังที่แตกต่างกัน ลายสักหรือยันต์บางชนิดสามารถช่วยผู้ที่สักให้รอดพ้นจากสถานการณ์ที่ยุ่งยาก ได้ สัญลัษณ์บางอย่างของลายสักสามารถทำให้ ผิวหนังเหนียวได้ ฟันไม่เข้า ศัตรูยิงไม่ออก เชื่อว่าการสักจะช่วยให้รอดพ้นจากสถานการณ์อันเลวร้ายได้ด้วย

  นอกจากนี้ การสักทางไสยศาสตร์ยังเชื่อมโยงกับการระวังอันตรายและความปลอดภัย ทำให้แคล้วคลาดต่ออันตรายต่างๆ ศิลปะพื้นบ้านประเภทนี้ อาจจะกระตุ้นความรู้สึกให้เกิดศรัทธาความเชื่อมั่น เกิดความมั่นใจ มันอาจเป็นเครื่องแสดงความจริงต่างๆ วัฒนธรรมสมัยใหม่นั้นเมื่อมองแล้วอาจจะไม่ทำให้ปลอดภัย ส่วนวัฒนธรรมการสักยันต์จึงช่วยให้เกิดความรู้สึกปลอดภัย เป็นทางหนึ่งที่ช่วยให้จิตใจเขามีความมั่นใจมั่นคงมากยิ่งๆ ขึ้น

  การสักยันต์ที่มีลวดลายเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในบรรดาผู้ที่นิยมการสัก คือ ลวดลายสักที่ให้ผลทางไสยศาสตร์ ซึ่งแบ่งเป็น 2 ชนิด คือ เพื่อผลทางเมตตามหานิยม และเพื่อผลทางคงกระพันชาตรี
  เมตตามหานิยม เป็นการสักเพื่อผลทางเมตตามหานิยมมักจะสักเป็นรูปจิ้งจก หรือนกสาริกาเพื่อเป็นตัวแทนของความมีเสน่ห์เป็นที่รักใคร่ของคนทั่วไป โดยเฉพาะให้ผลดีทางการเจรจา ค้าขายทำให้เจริญรุ่งเรืองทำมาค้าขึ้น หรือเป็นลักษณะตัวอักขระยันต์ เช่น ยันต์ดอกบัว ยันต์ก้นถุง ยันต์โภคทรัพย์ ซึ่งมีผลทางด้านการเงิน เป็นต้น
  คงกระพันชาตรี เป็นการสักเพื่อให้แคล้วคลาดจากของมีคม อุบัติเหตุ หรืออันตรายทั้งปวง ลักษณะของลายสักเพื่อผลทางอยู่ยงคงกระพันชาตรีจะนิยมสักลวดลายซึ่งเป็นตัว แทนความดุร้าย ความปราดเปรียว ความสง่างาม ความกล้าหาย ได้แก่ ลายเสือเผ่น หนุมานคลุกผุ่น หงส์ และลายสิงห์ เป็นต้น หรือเป็นลายที่เปรียบเสมือนเกราะป้องกันภยันตราย เช่น เก้ายอด ยันต์เกราะเพชร หรือลายยันต์ชนิดต่างๆ เป็นต้น

  และสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เป็นแก่นแท้ของการสักเพื่อผลทางไสยศาสตร์ และถือกันว่าเป็น “หัวใจของการสักก็คือ หัวใจของคาถาที่กำกับลวดลายสักแต่ละลายอยู่ เพราะสิ่งนี้คือเคล็ดลับวิชาคาถาอาคมที่เป็นวิชาชั้นสูงของแต่ละอาจารย์ที่ จะไม่เปิดเผยให้แก่ผู้ใดเป็นอันขาด” นอกจากลูกศิษย์ที่ได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้รับถ่ายทอดวิชาการสักยันต์ ของอาจารย์สืบต่อไป

  ลายสักดังกล่าวจะต้องถูกสักอยู่ในตำแหน่งที่ถูกที่ควร ไม่เช่นนั้นความขลังจะไม่เกิด โดยมากผู้มาสักประสงค์จะให้ลายสักอยู่ภายในร่มผ้ามากที่สุด ตำแหน่งที่นิยมสักเรียงตามลำดับดังนี้คือ หลัง หน้าอก คอ ศีรษะ ไหล่ แขน ชายโครง หน้า มือ และหัวเข่าของบุคคลในแวดวงการสักลาย เนื่องจากวัตถุประสงค์ของการสักคือเพื่อผลทางไสยศาสตร์ จึงต้องสักโดยครูอาจารย์ที่มีวิชาอาคมศักดิ์สิทธิ์โดยเฉพาะเท่านั้น ฆราวาสหรือบุคคลธรรมดาที่ไม่มีวิชาความรู้ทางด้านนี้จะไม่ได้รับการยอมรับ ครู และอาจารย์ที่ได้รับการยอมรับนับถือจากบุคคลทั่วไป และความศักดิ์สิทธิ์ของการสักก็มักจะได้รับการทดสอบจนเห็นผลเป็นที่ร่ำลือมา แล้ว

  จากอดีตที่การสักแทบจะสูญหายไปเนื่องจากกระแสวัตถุนิยมเข้ามาแทนที่ทำให้ ความต้องการทางด้านจิตใจของคนเปลี่ยนไปหันไปพึ่งวัตถุนิยมแต่สุดท้ายแล้ว เมื่อความรักชาติรักความเป็นไทยในสายเลือดก็ย่อมไม่เจือจางเมื่อมีบุคคล หลายๆคนได้พยายามปลุกกระแสการสักยันต์ขึ้นมาใหม่เพื่ออนุรักษ์วิถีของไทยแต่ ก่อนกาล และดูว่าจะได้รับความสนใจขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดการพัฒนารูปแบบการสักยันต์ขึ้นมาใหม่ที่มีลวดลายงดงาม ปราณีตยิ่งขึ้น และวิธีการสักที่มีเครื่องมือที่สะอาดทันสมัยปลอดจากโรค ทำให้วงการสักยันต์ได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง สำหรับคนที่ยังทำการสักแบบเดิมๆที่ยังขาดความสวยงามและเครื่องมือที่ไม่ สะอาดเสี่ยงกับการติดเชื้อร้ายแรงประเภทต่างๆ ก็จะถูกสังคมต่อต้านจนเลิกไปเอง ทำให้เกิดยุคของการสักยันต์ในรูปแบบใหม่ที่ว่าด้วย " ลายสวยและเครื่องมือสะอาดปลอดโรค"
    ส่วนวิธีสักด้วยน้ำมันแทนการสักด้วยน้ำหมึก เพื่อจะได้มองไม่เห็นลวดลาย สำหรับบุคคลที่ต้องการเน้นความขลัง ของมนตราของการสักมากกว่ารูปภาพ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งไว้รองรับ สำหรับผู้นิยมแบบเสือซ่อนเล็บ หรือคมในฝัก ซึ่งก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน
  มุมมองของคนแต่ละกลุ่มแตกต่างกันไปตามความคิดและทัศนคติของผู้เขียนว่ายืน อยู่เคียงข้างกลุ่มใดแต่จนแล้วจนรอด ความจริงเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าทำไมวันนี้การสักยันต์ของไทยเรา ยังยืนอยู่ได้ทั้งๆที่แม้จะมีคนหลายๆกลุ่ม ใส่ร้ายใส่ความคนที่สักยันต์ต่างๆนานาว่าเป็นคนไม่ดี คนขี้คุก แต่คนเหล่านั้นไม่เคยนำบุคคลที่มีคุณงามความดีและมีรอยสักมาเผยแพร่เลย อย่างเช่นเสด็จเตี่ยของเราก็มีรอยสักเต็มตัวทั้งๆที่เป็นลูกกษัตริย์ ท่านก็ไม่เคยคิดในแง่ไม่ดีสำหรับการสักยันต์ หรือบุคคลทีมีชื่อเสียงในสังคมเรา อย่าง ดร.ไมตรี บุญสูง ท่านก็มีรอยสัก ท่านก็ยังกระทำความดีเป็นที่นับหน้าถือตาของคนในสังคม อาจเป็นเพราะว่าสื่อบางประเภทนิยมมุมมองเรื่องเลวร้ายมากกว่าเพราะเห็นว่า เป็นข่าวขายดี เข้าตำราว่าข่าวเรื่องดีขายไม่ออก เพราะฉนั้นถ้าเราทุกคนเปลี่ยนมุมมองเสียใหม่คุณก็จะเห็นอะไรใหม่ๆ ลองมองกลับไปดูปู่ ย่า ตา ยาย คุณดูสิ เชื่อได้ว่าหลายๆคนก็มีรอยสักแต่ท่านเหล่านั้นก็ไม่ได้เป็นคนไม่ดี และอีกอย่างที่เป็นที่โต้เเย้งกันมากนักเรื่องการสักยันต์ในคุกในสถานกักกัน ได้ใจความจากท่านอาจารย์เสือให้ข้อคิดว่า "การสักยันต์เกิดจากผู้ที่ทำการสักต้องป็นผู้มีวิชามีครูบาอาจารย์จะเป็นพระ สงฆ์ก็ดีจะเป็นอาจารย์ฆราวาสก็ดี บุคคลเหล่านี้จะต้องเรียนรู้ในวิชาการสักของแต่ละสาย จึงสามารถนำมาทำการสักให้ศิษย์ได้ และคนในคุกในสถานกักกันเขาเป็นคนประภทไหน และจะเรียกสักยันต์ได้อย่างไร เขาเรียกว่าสักกันเล่นๆ อย่าเอามารวมกัน จึงข้อร้องให้ผู้ที่มีปากกาในมือทั้งหลายจะเขียนอย่างไรถ้าตนเองไม่เข้าใจ ให้ไปถามผู้รู้จะดีกว่า อย่าทำให้ข้อมูลที่ดีมันบิดเบือนจนสร้างความเข้าใจผิดให้คนในสังคมรู้สึกไม่ ดี และบุคคลเหล่านั้นที่เขียนเรื่องไม่จริงก็จะเป็นคนที่ทำลายชาติ ทำลายวัฒนธรรมตนเอง ของที่ครูบาอาจารย์สร้างมาตลอดชีวิตจะมาเสียเพราะคนรู้เท่าไม่ถึงกาลมาทำลาย เสียหมด ช่วยกันดีกว่าไหม ก่อนการสักของประเทศอื่นๆจะมากลืนกินการสักยันต์ไทยเราจนหมดสิ้นเพราะคนไทย ทำลายมันเอง"
การสัก ยันต์เข็มโบราณ แบบน้ำมันว่าน108 และ แบบลงหมึก
เป็นการสักยันต์ แบบโบราณ โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
1. การสักด้วยน้ำมัน โดยส่วนใหญ่จะเป็นน้ำมันว่าน 108 ซึ่งมีผลทางด้านเมตตา มหาเสน่ห์ ซึ่งเป็นที่นิยมกันมากในปัจจุบัน เพราะไม่เห็นรอยสักเหมือนการสักแบบหมึก เพียงแค่ 2-3 วัน รอยก็จะจางหายไป ลวดลายที่นิยมก็จะเกี่ยวข้องกับ เมตตา ค้าขาย การเจรจาประกอบธุรกิจ ศิลปิน นักแสดง เช่น ยันต์สาลิกา ยันต์จิ้งจก ยันต์เมตตา ยันต์ลือชา ยันต์ถุงเงินถุงทอง และอื่นๆ อีกนับร้อย
2. การสักด้วยหมึกจีน โดยการใช้เข็มเหล็กแหลมจุมหมึกสีดำผสมว่าน108 นำมาทิ่มลงบนบริเวณเนื้อที่ต้องการสักยันต์ลงไป โดยอาจารย์เสือจะเป็นผู้ร่างแบบใหม่ทุกลาย ทุกคนจะได้ลายสักที่ไม่ซ้ำกันเพราะเป็นการเขียนขึ้นสดๆจากจินตนาการของตัว อาจารย์เอง ไม่ได้ใช้แม่พิมพ์ใดๆทั้งสิ้น..ศิษย์ทุกคนที่ได้ลายสักไปจะเกิดความภาคภูมิ ใจในความเป็นหนึ่งเดียวของตน
การสัก ยันต์แบบเครื่องไฟฟ้า(Tattoo)
 เป็นการประยุกต์การสักยันต์แบบยุคโบราณเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ซึ่งไม่ผิด กฏเกณฑ์ใดๆ เพราะสมัยโบราณไม่ได้มีข้อกำหนดในการขึ้นรูปรอยสักว่าจะต้องเป็นการสักที่ ใช้เข็มทิ่มลงไปบนเนื้อเท่านั้น เพียงแต่ให้มีรูปในลักษณะที่ถูกต้องตามหลักศาสตร์ของการเขียนเลขและอักขระ ของยันต์ก็เพียงพอแล้ว แต่หลักที่สำคัญที่จะทำให้เกิดพระพุทธคุณเทียบเท่าอย่างโบราณได้กำหนดไว้คือ อาจารย์ผู้ปลุกเลขยันต์ต้องมีวิชาและสมาธิที่ถึงขั้นในการเรียกรูปเรียกนาม ให้เกิดอิทธิฤทธิ์ปฎิหารย์ขึ้นมาได้เป็นอันสมบูรณ์ ในการสักยันต์แบบเครื่องไฟฟ้าจึงเป็นที่นิยมในปัจจุบันเพราะมีความสวยงามและ มีสีสันดูมีชีวิตชีวามากกว่าการสักแบบเข็ม และมีที่นี้ที่เดียวที่สามารถผสมผสานทั้งสองอย่างได้อย่างลงตัว
วิธีสักแบบ Tattoo นั้นนักสักจะใช้เครื่องสักไฟฟ้ามีกระปลุกบรรจุสีอยู่ด้านบนหัวเข็มการทำงาน ของเครื่องคล้ายจักรเย็บผ้า การสักด้วยวิธีนี้จะทำให้ได้ภาพสักที่สวยงามคมชัด นักสักสามารถเล่นสีได้ตามใจชอบภาพที่ออกมาเหมือนกับวาดภาพบนกระดาษ ผู้สักไม่เจ็บปวดเหมือนกับการสักยันต์

ที่มา http://www.importancetattoo.com/th/article04.php





tattoo




ประวัติการสัก
เริ่มต้นจากที่กรีก การสักเป็นการทำสัญลักษณ์เฉพาะใบหน้าของทาส และ อาชญากร ต่อมาการสักเริ่มแพร่หลายในทวีปยุโรป ต่อมาประมาณ ค.ศ. 787 การสักบนใบหน้าถือเป็นการลบหลู่ต่อพระผู้เป็นเจ้า
ในประเทศไทย การสัก หรือ สักเลกนั้นเป็นการทำเครื่องหมายที่ข้อมือ เพื่อแสดงการขึ้นทะเบียนเป็นไพร่หลวงที่มีสังกัดกรมกอง แต่ถูกยกเลิกไปในรัชสมัยรัชกาลที่ 4 ส่วนที่หน้าผาก หรือการสักท้องแขนใช้กับผู้ต้องโทษจำคุก แต่ยกเลิกในปี พ.ศ. 2475 รวมทั้งการสักยันต์เป็นเหมือนเครื่องรางของขลังตามความเชื่อ
ในญี่ปุ่น การสักเรียกว่า Irezumi ซึ่งมีความหมายว่าการเติมหมึก คาดว่าเริ่มปรากฏในประมาณศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล ต่อมาในคริสต์ศตวรรษที่ 8 การสักจะประทับตาคนกลุ่มต่างๆ เพื่อแบ่งแยกเช่น เพชฌฆาต สัปเหร่อ อาชญากร จนกระทั่งเริ่มมีการสักแบบ Horibari ที่มักจะสักลวดลายต่างๆทั่วร่างกาย และเริ่มแพร่หลายในปี ค.ศ. 1750 โดยนิยมมากในหมู่ Eta ซึ่งเป็นกลุ่มคมฐานะชั้นต่ำที่สุด ลวดลายต่างๆมักเป็นจิตรกรรมที่มีชื่อเสียง ตลอดจนเทพเจ้า ตามความเชื่อทางศาสนา และนิทานพื้นบ้าน

ประเภทของการสัก

  • แฟนตาซี สไตล์ - ผสมหลายรูปแบบ เป็นภาพในจินตนาการ เทพนิยาย
  • ทริบอล สไตล์ - เป็นลวดลาย เช่นเถาวัลย์ ใบไม้ หรือลายกราฟิก
  • ยุโรป สไตล์ - เป็นภาพเหมือนลงแสงเงา คล้ายกับภาพเหมือนบุคคล
  • เจแปน สไตล์ - มีลวดลายที่บ่งบอกความเป็นตะวันออก เช่น ปลาคาร์พ มังกร
  • เวิร์ด สไตล์ - มีตัวอักษรที่มีความหมาย หรือไม่มีความหมายก็ได้ บางทีก็อ่านไม่รู้เรื่องเช่นงานแนวแอมบิแกรม
  • ไกเกอร์ สไตล์ - ลวดลายนามธรรม รวมถึงเฉพาะกลุ่มเช่นฮิปฮอป
  • พังค์ สไตล์ - ลายสักไม่เน้นสีสัน ส่วนใหญ่จะเป็นสีดำ
  • ฮาร์ดคอร์ สไตล์ - ใกล้เคียงกับ พังค์ สไตล์แต่จะมีความเหมือนจริงมากกว่า
  • อินดี้ สไตล์ - ไม่มีแนวทางชัดเจน ขึ้นอยู่กับรสนิยมส่วนตัว

วิธีการสัก

ปัจจุบันการการสักพัฒนาไปมาก เครื่องมือที่เป็นที่นิยมที่สุดเป็นเข็มที่ใช้มอเตอร์ในการทำให้ขยับแทงในผิวหนังลึกระหว่าง0.6-22 มิลลิเมตร เมื่อแทงลงไปหมึกจะแพร่กระจายไปสู่เนื้อเยื่อ ดูดซึมเก็บสะสมไว้ โอกาสที่จะเปิดปฏิกิริยาที่เป็นเชิงลบจากหมึกที่ใช้สักมีน้อยมาก โดยปกติแล้วสิ่งแปลกปลอมจะถูกขจัดจากร่างกายโดยใช้กลไกป้องกันตามธรรมชาติ แต่อนุภาคของหมึกนั้นใหญ่เกินกว่าที่จะถูกขจัดออกไปด้วยกลไกนี้ได้
ขณะเดียวกันการสักอาจจะก่อให้เกิดอันตรายจากการติดเชื้อโรคชนิดต่างๆ เช่น impetigo, staph infection, cellulitis ตลอดจนปฏิกิริยาจากสีซึ่งสักลงไปปัจจุบันใช้สารที่นิยมใช้เป็นสีหลายชนิดมักเป็นโลหะหนัก เช่น สารปรอท แร่เหล็ก แร่โคบอลด์ สารเหล่านี้ทำให้เกิดปัญหาบางอย่างโดยเฉพาะสารสีแดง (cinnabar) ของโลหะจะพบได้บ่อยที่สุด

การลบรอยสัก

  • การผ่าตัดออก (SURGICAL EXCISION) เหมาะในรายเป็นรอยสักที่มีขนาดเล็ก หรือเป็นจุดๆ จะได้มีแผลที่มีขนาดเล็ก แต่ในรายที่มีรอยสักขนาดใหญ่ อาจจะใช้ตัวขยายเนื้อ (TISSUE EXPANSION) ช่วยเหลือได้
  • การกรอผิวด้วยเครื่องกรอผิว (DERMABRASION) ในรายที่เป็นรอยสักมืออาชีพ การใช้การกรอผิวอย่างเดียว หรือร่วมกับการใช้เกลือแกงบริสุทธิ์จะช่วยให้ได้ผลดี ซึ่งในรายที่สักตื้นๆ การกรอผิวมากกว่าสองครั้งสามารถให้ได้ผลดีแผลเป็นน้อย ซึ่งในการทำครั้งที่สอง ควรจะรอประมาณ 3 ถึง 6 เดือน
  • การลอกด้วยสารเคมี (CHEMICAL PELING) มักใช้กรดบางชนิด หรือสาร PHENOL ทำให้เกิดเป็นรอยแผลไฟไหม้ขึ้นบริเวณรอยสัก แต่วิธีนี้มักจะมีผลแทรกซ้อนสูง จึงไม่ค่อยใช้กัน
  • การสักเพิ่มขึ้น (OVERTATTOOING OR RETATTOOING)
  • การลบด้วยไฟฟ้า (ELECTRIC CAUTERY)
  • การลบด้วยเครื่องเลเซอร์ (LASER BEAM) ที่นิยมใช้กันได้แก่ Q-SWITCHEDND-YAG และ Q-SWITCHED RUBY LASER ซึ่งมักจะได้ผลดีในรายที่เป็นสีน้ำเงิน และดำ ซึ่งวิธีนี้ได้ผลดี และมีผลข้างเคียงเช่นกัน ได้แก่ ผิวหนังเป็นรอยริ้ว หรือเป็นรอยด่างขา